บทที่ 1
ลูกแกะพบหมาป่า
ในเช้าวันที่ท้องฟ้าเหนือกรุงเทพฯ ถูกระบายด้วยสีเทาอ่อนของเมฆฝน รดา วัย 20 ปี ก้าวลงจากรถเมล์ด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก เธอสวมชุดสูทสีครีมเรียบร้อยที่ยืมมาจากพี่สาว รองเท้าส้นเตี้ยสีดำขัดเงา และผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกรวบไว้เป็นหางม้าสูง เธอมองไปยังตึกระฟ้าสุดอลังการที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า—บริษัท 'PW Group' หนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านอสังหาริมทรัพย์และเทคโนโลยีของประเทศไทย ที่วันนี้เธอจะเริ่มต้นทำงานในฐานะพนักงานฝึกหัดฝ่ายการตลาด
รดาหายใจเข้าลึกๆ แล้วก้าวเข้าไปในล็อบบี้ที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาวเงาวับ เสียงรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นดังก้องอยู่ในหูของเธอ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนกตัวเล็กที่บินเข้าไปในรังของนกอินทรี แต่รอยยิ้มสดใสที่ประดับใบหน้าของเธอก็ยังคงอยู่—รดาเชื่อเสมอว่าโลกนี้เต็มไปด้วยโอกาส และวันนี้คือก้าวแรกของความฝันของเธอ
หลังจากผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนกับฝ่ายบุคคล รดาถูกพาไปยังชั้น 25 ห้องประชุมใหญ่ที่เต็มไปด้วยพนักงานใหม่ราว 20 คน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น จนกระทั่งประตูห้องประชุมถูกผลักออก และทุกสายตาในห้องหันไปยังบุคคลที่ก้าวเข้ามา
ภวินท์ วัย 35 ปี ประธานบริษัท 'PW Group' เดินเข้ามาด้วยท่าทางสง่างามในชุดสูทสีเทาเข้มที่ตัดเย็บอย่างปราณีต รูปงามของเขาดูราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่น—ผมสีดำสนิทที่เซ็ตอย่างเป็นระเบียบ ดวงตาคมกริบที่เต็มไปด้วยพลัง และใบหน้าที่เย็นชาไร้รอยยิ้ม เขาคือผู้ชายที่ดูเหมือนจะควบคุมทุกอย่างได้ด้วยปลายนิ้ว แม้แต่ลมหายใจของคนในห้องนี้
“สวัสดีทุกคน” เสียงทุ้มของเขาดังก้องในห้อง “ผมคือภวินท์ ประธานบริษัทแห่งนี้ ผมหวังว่าทุกคนจะตั้งใจทำงาน และพิสูจน์ตัวเองให้ผมเห็นว่าคุณคู่ควรกับที่นี่”
รดามองเขาด้วยความรู้สึกประหลาด เธอเคยเห็นรูปของภวินท์ในนิตยสารมาก่อน แต่ตัวจริงของเขาดูมีพลังบางอย่างที่ดึงดูดสายตา เธอเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อสายตาของภวินท์กวาดมองมาที่เธอ รอยยิ้มนั้นก็แข็งค้าง
ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่เธอเพียงเสี้ยววินาที แต่สำหรับรดา มันเหมือนโลกหยุดหมุน เธอรู้สึกเหมือนถูกมองทะลุเข้าไปถึงข้างใน ใบหน้าเย็นชาของเขายังคงนิ่ง แต่มีบางอย่างในแววตาที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ
---
ภวินท์นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวที่ชั้นบนสุดของตึกหลังจากการประชุมจบลง เขามองออกไปยังวิวเมืองผ่านกระจกบานใหญ่ มือข้างหนึ่งหมุนปากกาหรูอยู่ในมืออย่างเคยชิน เขาคือชายที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ด้วยความฉลาดและความเย็นชาที่ทำให้เขาไม่เคยแพ้ในเกมธุรกิจ แต่ในวันนี้ มีบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึก... แปลกไป
ภาพของเด็กสาวคนนั้น—รดา—ผุดขึ้นมาในหัวของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต รอยยิ้มของเธอที่ดูสดใสเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ ดวงตาคู่โตที่เต็มไปด้วยความฝัน และท่าทางที่ดูไร้เดียงสาแต่เต็มไปด้วยพลังชีวิต มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอผู้หญิงสวยๆ ในชีวิต แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เขารู้สึกถึงคลื่นบางอย่างในอกที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“ไร้สาระ” เขาพึมพำกับตัวเอง แล้ววางปากกาลง เขาบอกตัวเองว่านี่เป็นแค่ความรู้สึกชั่ววูบ แต่ลึกๆ ในใจ เขารู้ว่าเขาโกหกตัวเอง
---
วันต่อมา รดาเริ่มงานในฝ่ายการตลาดอย่างเป็นทางการ เธอได้รับมอบหมายให้ช่วยทีมร่างแคมเปญใหม่สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู เธอตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะมีบางช่วงที่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังใหม่เกินไปสำหรับงานใหญ่แบบนี้ แต่รอยยิ้มและความมองโลกในแง่ดีของเธอทำให้เพื่อนร่วมงานเริ่มเอ็นดูเธออย่างรวดเร็ว
บ่ายวันนั้น ขณะที่รดากำลังนั่งจดไอเดียลงในสมุดโน้ตที่โต๊ะทำงาน เสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ๆ เธอเงยหน้าขึ้น และหัวใจของเธอแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นภวินท์ยืนอยู่ตรงหน้า โต๊ะของเธออยู่ใกล้ทางเดินที่นำไปสู่ลิฟต์ส่วนตัวของเขา และดูเหมือนว่าเขาจะหยุดลงตรงนี้โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
“คุณชื่ออะไร” เสียงของเขาดังขึ้นเรียบๆ แต่แฝงด้วยน้ำหนักบางอย่าง
รดาตกใจจนเกือบทำปากกาหล่น “เอ่อ... รดาค่ะ รดา สุวรรณดี ค่ะ” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มประหม่า
ภวินท์พยักหน้านิ่งๆ “ทำงานให้ดี” เขาพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินจากไป แต่รดาสัมผัสได้ถึงสายตาของเขาที่ยังคงมองเธออยู่นานกว่าปกติ
---
ตลอดทั้งสัปดาห์นั้น ภวินท์เริ่มหาเหตุผลแปลกๆ เพื่อเดินผ่านโต๊ะของรดา บางครั้งเขาก็หยุดถามคำถามสั้นๆ เกี่ยวกับงาน บางครั้งก็แค่ยืนนิ่งๆ มองเธอทำงานโดยไม่พูดอะไร รดาเริ่มรู้สึกแปลกใจกับพฤติกรรมของเขา แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรเกินไป เธอคิดว่าท่านประธานคงแค่ต้องการตรวจสอบพนักงานใหม่เท่านั้น
แต่สำหรับภวินท์ มันไม่ใช่แค่นั้น เขาเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน—ความสนใจที่เกินกว่าคำว่างาน ความรู้สึกที่ทำให้เขาอยากรู้จักเธอมากขึ้น อยากเห็นรอยยิ้มนั้นบ่อยขึ้น และอยากเข้าไปอยู่ในโลกที่สดใสของเธอ เขาพยายามบอกตัวเองว่านี่เป็นแค่ความคิดโง่ๆ แต่ยิ่งเขาพยายามกดมันลง มันก็ยิ่งเด้งกลับขึ้นมาแรงกว่าเดิม
วันหนึ่ง ขณะที่รดากำลังยื่นเอกสารให้หัวหน้าทีมในห้องประชุมเล็กๆ ภวินท์เดินเข้ามาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า เขามองไปที่เอกสารในมือของเธอ แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ “คุณทำเองเหรอ”
รดาพยักหน้า “ค่ะ ฉันลองร่างไอเดียสำหรับแคมเปญนี้ดูค่ะ ไม่รู้ว่าจะใช้ได้หรือเปล่า”
ภวินท์หยิบเอกสารนั้นขึ้นมาดูอย่างละเอียด รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว “น่าสนใจ” เขาพูด ก่อนจะวางเอกสารลง “พรุ่งนี้มาพรีเซนต์ให้ผมฟังในห้องทำงาน”
รดาตาโต “คะ... ค่ะ?” เธอตอบแบบงงๆ แต่หัวใจของเธอก็เต้นแรงด้วยความตื่นเต้น
---
คืนนั้น รดานอนไม่หลับ เธอเตรียมตัวสำหรับการพรีเซนต์ครั้งแรกในชีวิต ขณะที่ภวินท์นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา มองภาพถ่ายพนักงานใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ—ภาพของรดาที่มีรอยยิ้มสดใส เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ ความรู้สึกที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง
“รดา...” เขาพึมพำชื่อของเธอเบาๆ โดยไม่รู้ตัว และในวินาทีนั้น เขารู้แล้วว่า เขาตกหลุมรักเธอเข้าเต็มๆ
บทที่ 2
ได้ใกล้ชิด
เช้าวันใหม่เริ่มต้นด้วยแสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านสีครีมในห้องนอนเล็กๆ ของรดา เธอตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วันนี้เธอต้องเข้าพรีเซนต์ไอเดียแคมเปญให้กับภวินท์—ท่านประธานที่ดูเย็นชาและน่าเกรงขาม—ในห้องทำงานส่วนตัวของเขา เธอมองตัวเองในกระจก สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับตัวเองว่า “รดา สู้ๆ นะ! นี่คือโอกาสของเธอ”
รดาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดตาคู่กับกระโปรงทรงเอสีกรมท่า ผมยาวถูกรวบเป็นมวยต่ำดูเรียบร้อย เธอหยิบโน้ตที่เตรียมไว้อย่างดีใส่ลงในกระเป๋า แล้วรีบออกจากบ้านไปยังบริษัทด้วยหัวใจที่เต้นรัวไม่หยุด
เมื่อถึงตึก 'PW Group' รดาก้าวขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุด—ชั้นที่เป็นเขตหวงห้ามสำหรับพนักงานทั่วไป ชั้นที่เป็นโลกส่วนตัวของภวินท์ เธอรู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าไปในอาณาจักรของราชาแห่งธุรกิจ ลิฟต์หยุดลง เธอก้าวออกมาแล้วพบกับเลขาสาวสวยในชุดสูทสีดำที่ยิ้มให้เธออย่างเป็นมิตร
“คุณรดาใช่ไหมคะ? ท่านประธานรออยู่ข้างในค่ะ” เลขาพูดแล้วพาเธอไปยังประตูไม้สีเข้มบานใหญ่
รดาพยักหน้าขอบคุณ ก่อนจะเคาะประตูเบาๆ แล้วผลักมันเข้าไป ห้องทำงานของภวินท์กว้างขวางและเต็มไปด้วยความหรูหรา โต๊ะทำงานไม้สีเข้มตั้งเด่นอยู่กลางห้อง ด้านหลังเป็นกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวเมืองได้กว้างไกล ภวินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะ มองเธอด้วยสายตาที่นิ่งสงบแต่แฝงด้วยพลังบางอย่าง
“เชิญนั่ง” เขาพูดสั้นๆ ชี้ไปที่เก้าอี้ตรงข้าม
รดานั่งลง มือของเธอสั่นเล็กน้อยขณะหยิบโน้ตออกมา เธอเริ่มพรีเซนต์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้มั่นคง “เอ่อ... สวัสดีค่ะท่านประธาน วันนี้ฉันจะพูดถึงไอเดียแคมเปญสำหรับโครงการ 'The Pinnacle' ค่ะ ฉันคิดว่าเราควรเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูง โดยใช้คอนเซปต์ ‘ความสำเร็จที่สัมผัสได้’ ค่ะ”
ภวินท์พิงพนักเก้าอี้ มองเธอด้วยสายตาที่จดจ่อ เขาไม่ได้พูดอะไร แต่รดารู้สึกได้ถึงน้ำหนักของสายตาคู่นั้น เธอพูดต่อไป อธิบายถึงการใช้โซเชียลมีเดีย การสร้างคอนเทนต์วิดีโอสั้น และการดึงอินฟลูเอนเซอร์มาเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ เธอพยายามทำให้ทุกคำพูดชัดเจนและน่าสนใจ แม้ว่าหัวใจของเธอจะเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก
เมื่อเธอพูดจบ ภวินท์เงียบไปครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยุดที่หน้าโต๊ะของเธอ แล้วก้มลงมองโน้ตที่เธอวางไว้ รดารู้สึกถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวเขา มันเป็นกลิ่นไม้ผสมมัสก์ที่ทำให้เธอเผลอสูดหายใจลึกโดยไม่รู้ตัว
“ไอเดียของคุณใช้ได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ “แต่มันยังขาดอะไรบางอย่าง”
รดามองเขาด้วยความสงสัย “ขาดอะไรเหรอคะ?”
ภวินท์หยิบปากกาขึ้นมาแล้วขีดเส้นใต้บางส่วนในโน้ตของเธอ “ความรู้สึก” เขาพูด “แคมเปญนี้ต้องทำให้คนรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ ไม่ใช่แค่เห็นว่ามันดี คุณต้องใส่อารมณ์ลงไป”
รดาพยักหน้า “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ขอบคุณค่ะที่แนะนำ”
ภวินท์มองหน้าเธออีกครั้ง แววตาของเขาดูอ่อนลงเล็กน้อย “พรุ่งนี้เอาใหม่ ผมอยากเห็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์กว่านี้”
รดาตกใจ “พรุ่งนี้เลยเหรอคะ?”
“ทำไม รู้สึกว่าทำไม่ได้?” เขาถามกลับ คิ้วข้างหนึ่งยกขึ้นเล็กน้อย
“ไม่ค่ะ! ฉันทำได้ค่ะ” รดาตอบทันควัน พร้อมรอยยิ้มมั่นใจ
ภวินท์พยักหน้า “ดี ผมรออยู่”
---
ตั้งแต่วันนั้น ภวินท์เริ่มมอบหมายงานให้รดามากขึ้นเรื่อยๆ จากแค่การช่วยทีม เขาดึงเธอเข้ามาทำงานในโปรเจกต์สำคัญ และบ่อยครั้งที่เขาเรียกเธอขึ้นมาพูดคุยในห้องทำงานส่วนตัว เพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มซุบซิบกันว่ารดาได้รับความสนใจจากท่านประธานมากเกินไป แต่รดาไม่ได้สนใจ เธอมองว่านี่คือโอกาสที่เธอต้องคว้าไว้
ทุกครั้งที่เธอเข้าพบเขา ภวินท์จะมีคำแนะนำที่เฉียบคมให้เธอเสมอ เขาคอยชี้จุดที่เธอต้องปรับปรุง แต่ก็ไม่เคยตำหนิเธอแรงๆ รดาเริ่มรู้สึกประทับใจในความฉลาดและความใส่ใจของเขา เธอแอบคิดในใจว่า “ท่านประธานนี่เก่งจริงๆ เลย แถมยังหล่อด้วย... ไม่สิ รดา! ห้ามคิดอะไรเกินเลยเด็ดขาด!”
แต่สิ่งที่รดาไม่รู้คือ ทุกครั้งที่เธอเดินออกจากห้อง ภวินท์จะมองตามหลังเธอด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง เขาเริ่มจดจำรายละเอียดเล็กๆ ของเธอ—รอยยิ้มที่ยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งเมื่อเธอตื่นเต้น ท่าทางที่เธอชอบขยับผมหน้าม้าตอนคิดอะไรไม่ออก และน้ำเสียงใสๆ ที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
วันหนึ่ง ขณะที่รดากำลังนั่งทำงานในห้องประชุมเล็กๆ กับทีม ภวินท์เดินเข้ามาด้วยท่าทางสงบเหมือนเคย เขาหยุดยืนข้างโต๊ะของเธอ มองเอกสารที่เธอกำลังร่างอยู่
“นี่อะไร?” เขาถาม
รดายื่นเอกสารให้เขา “เป็นไอเดียสำหรับโฆษณาค่ะ ฉันคิดว่าเราควรเพิ่มฉากที่คู่รักหนุ่มสาวย้ายเข้ามาอยู่ในคอนโดด้วยกัน เพื่อให้คนรู้สึกถึงความอบอุ่น”
ภวินท์อ่านมันอย่างละเอียด แล้วพยักหน้า “ดี ผมชอบ” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เย็นนี้ว่างไหม?”
รดาชะงัก “คะ?”
“ผมมีงานเลี้ยงของพาร์ทเนอร์ อยากให้คุณไปด้วย จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่แววตาของเขาดูจริงจัง
รดาตอบตกลงโดยไม่ทันคิด “ค่ะ ว่างค่ะ!”
---
เย็นนั้น รดาสวมเดรสสีครีมเรียบๆ ที่เธอมีอยู่ในตู้เสื้อผ้า ภวินท์มารับเธอที่หน้าบริษัทด้วยรถยนต์หรูสีดำเงาวับ เขาเปิดประตูให้เธอด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้รดารู้สึกเขินจนหน้าแดง
ระหว่างทางไปงานเลี้ยง ทั้งคู่นั่งเงียบกันอยู่ครู่หนึ่ง รดาแอบมองเขาจากมุมตา ใบหน้าของเขาดูสงบนิ่งภายใต้แสงไฟจากถนนด้านนอก เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่าเขาดูหล่อเกินไปจริงๆ
“คุณกลัวผมหรือเปล่า” ภวินท์ถามขึ้นกะทันหัน
รดาสะดุ้ง “ไม่ค่ะ! แค่... รู้สึกเกร็งนิดหน่อยค่ะ ท่านประธานดูน่าเกรงขามมาก”
ภวินท์หันมองเธอ มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มจางๆ “ผมไม่咬คนหรอก โดยเฉพาะคนที่ตั้งใจทำงาน”
รดายิ้มตอบ “งั้นฉันสบายใจละค่ะ”
เมื่อถึงงานเลี้ยง ภวินท์แนะนำรดาให้รู้จักกับพาร์ทเนอร์หลายคน เขาคอยอธิบายสิ่งต่างๆ ให้เธอฟังอย่างละเอียด และบางครั้งก็วางมือเบาๆ ที่หลังของเธอเพื่อนำทางเธอผ่านฝูงชน รดารู้สึกถึงความอบอุ่นจากสัมผัสนั้น แต่เธอก็พยายามบอกตัวเองว่า “นี่มันแค่เรื่องงาน รดา อย่าคิดมาก!”
แต่สำหรับภวินท์ มันไม่ใช่แค่เรื่องงาน เขารู้สึกถึงความสุขแปลกๆ ทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ เขาเริ่มอยากให้เธอเข้ามาในชีวิตของเขามากกว่านี้ และในคืนนั้น ขณะที่เขามองเธอยิ้มอย่างสดใสท่ามกลางแสงไฟในงานเลี้ยง เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอหายไปจากสายตาของเขาง่ายๆ
บทที่ 3
ซ่อนใจ
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของออฟฟิศชั้น 25 รดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเธอ มือทั้งสองข้างประสานกันแน่นขณะที่เธอมองไปยังกองเอกสารตรงหน้า หลังจากงานเลี้ยงเมื่อคืน เธอรู้สึกเหมือนโลกของเธอเปลี่ยนไปนิดหน่อย—ไม่ใช่แค่เพราะโอกาสที่ภวินท์มอบให้ แต่เป็นเพราะสายตาของเขาที่มองเธอในแบบที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“รดา เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเหม่อๆ นะ” เสียงของมิ้นต์ เพื่อนร่วมงานสาวรุ่นพี่ ดึงเธอกลับมาสู่現実
รดายิ้มแหยๆ “เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรนิดหน่อย”
มิ้นต์ยกคิ้ว “เกี่ยวข้องกับท่านประธานหรือเปล่าเนี่ย? เมื่อวานเห็นเขามาส่งเธอถึงหน้าบริษัทเลยนะ”
“อะไรนะคะ?!” รดาหน้าแดงทันที “ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ แค่เรื่องงานเฉยๆ”
มิ้นต์หัวเราะเบาๆ “โธ่ รดา ฉันแซวเล่นน่ะ แต่ระวังไว้นะ ท่านประธานน่ะไม่เคยสนใจใครมาก่อน เธออาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้”
คำพูดของมิ้นต์ทำให้รดาคิดหนัก เธอพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว แล้วหันกลับไปโฟกัสที่งาน แต่ลึกๆ ในใจ เธออดไม่ได้ที่จะนึกถึงสัมผัสของภวินท์ที่หลังของเธอในงานเลี้ยง และน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่พูดกับเธออย่างอ่อนโยนผิดปกติ
---
ในขณะเดียวกัน ที่ห้องทำงานชั้นบนสุด ภวินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะ มือข้างหนึ่งหมุนปากกาอย่างเคยชิน ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์—แต่ใจของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่นเลย ภาพของรดาในชุดเดรสสีครีมเมื่อคืนยังคงติดตาเขา รอยยิ้มของเธอที่สว่างไสวท่ามกลางแสงไฟในงานเลี้ยง และน้ำเสียงใสๆ ที่พูดคุยกับเขาด้วยความมั่นใจ มันทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างตื่นขึ้นในตัวเขา
เขาไม่เคยสนใจเรื่องความรักมาก่อน ในโลกของเขา มีแค่ธุรกิจ เงินทอง และอำนาจ แต่รดากลับเข้ามาทำให้กำแพงที่เขาสร้างไว้เริ่มสั่นคลอน เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่จะเข้าใกล้เธอมากขึ้น อยากปกป้องเธอ อยากให้เธอเป็นของเขา และความรู้สึกนั้นมันรุนแรงจนเขาแทบควบคุมตัวเองไม่ได้
“ท่านประธานครับ” เสียงของเลขาคนสนิทดังขึ้นจากอินเตอร์คอม “มีเอกสารจากฝ่ายการตลาดส่งมาให้เซ็นครับ”
“เอามาให้ผม” ภวินท์ตอบสั้นๆ แต่ในใจของเขา เขาคิดถึงรดาทันที “เดี๋ยวก่อน” เขาพูดต่อ “บอกฝ่ายการตลาดให้ส่งคุณรดาขึ้นมาด้วย”
เลขางงเล็กน้อย แต่ก็ทำตามคำสั่งทันที
---
ไม่กี่นาทีต่อมา รดาเคาะประตูห้องทำงานของภวินท์แล้วก้าวเข้ามาด้วยท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เธอถือแฟ้มเอกสารในมือ มองเขาด้วยรอยยิ้มเก้อๆ “สวัสดีค่ะท่านประธาน ฉันเอาเอกสารมาให้ค่ะ”
ภวินท์มองเธอจากหัวจรดเท้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เขาเก็บซ่อนไว้ “วางไว้ตรงนั้น” เขาพูด แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ
รดารู้สึกถึงความกดดันจากระยะห่างที่ใกล้เกินไป เธอก้าวถอยหลังเล็กน้อยโดยสัญชาตญาณ แต่ภวินท์ก้าวตามเธอทันที “คุณกลัวผมหรือเปล่า” เขาถามซ้ำคำถามเดิมจากเมื่อคืน แต่คราวนี้น้ำเสียงของเขาดูจริงจังกว่า
“ไม่ค่ะ แค่... รู้สึกเกร็งนิดหน่อย” รดาตอบตามความจริง หัวใจของเธอเต้นแรงจนเธอได้ยินเสียงมันในหู
ภวินท์ยิ้มมุมปาก “ดี ผมไม่อยากให้คุณกลัวผม” เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เมื่อคืนคุณทำได้ดีมาก ผมประทับใจ”
รดายิ้มกว้าง “จริงเหรอคะ? ขอบคุณค่ะ!”
“แต่” เขาขัดขึ้น “ผมอยากให้คุณทำงานใกล้ชิดกับผมมากกว่านี้ จากนี้ไป คุณจะเป็นผู้ช่วยพิเศษของผม”
รดาตาโต “คะ? แต่ฉันเพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นานเลยนะคะ”
“ผมเชื่อในศักยภาพของคุณ” ภวินท์พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หรือคุณไม่อยากรับโอกาสนี้?”
“ไม่ค่ะ! ฉันอยากค่ะ” รดาตอบทันที “ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ”
ภวินท์พยักหน้า “ดี เริ่มวันนี้เลย”
---
ตั้งแต่วันนั้น รดากลายเป็นเงาของภวินท์ เธอตามเขาไปประชุม ช่วยจัดเอกสาร และบางครั้งก็ต้องอยู่ดึกเพื่อช่วยเขาตรวจงาน เขาคอยสอนเธอทุกอย่างด้วยตัวเอง และทุกครั้งที่เธอทำอะไรได้ดี เขาจะยกยิ้มเล็กๆ ให้เธอ—รอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงทุกครั้ง
แต่สิ่งที่รดาไม่รู้คือ ภวินท์เริ่มแสดงความคลั่งรักออกมาทีละนิด เขาเริ่มตามติดเธอทุกฝีก้าว ไม่ว่าเธอจะไปไหนในออฟฟิศ เขาจะรู้เสมอ เขาสั่งให้เลขาคอยรายงานตารางของเธอ และบางครั้งก็โผล่ไปที่โต๊ะของเธอโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน เพื่อนร่วมงานเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเขา และข่าวลือเริ่มแพร่กระจาย
“เธอเห็นท่านประธานวันนี้ไหม? เขามายืนดูรดาทำงานอยู่นานสองนานเลย” เสียงซุบซิบจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งดังขึ้นในห้องพัก
“ใช่ ฉันว่าเขาชอบรดานะ เธอโชคดีจริงๆ” อีกคนเสริม
รดาได้ยินคำพูดเหล่านั้นโดยบังเอิญ เธอหน้าแดงแล้วรีบเดินออกมา เธอไม่เชื่อว่าภวินท์จะชอบเธอได้ เขาคือท่านประธานที่สมบูรณ์แบบ ส่วนเธอเป็นแค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง
แต่ความจริงนั้นชัดเจนกว่าที่เธอคิด วันหนึ่ง ขณะที่รดากำลังจะกลับบ้านหลังเลิกงาน เธอเดินไปที่ลานจอดรถเพื่อรอรถเมล์ ภวินท์ขับรถยนต์สีดำของเขามาจอดตรงหน้าเธอ แล้วลดกระจกลง
“ขึ้นมา” เขาพูดสั้นๆ
รดาตกใจ “คะ? แต่ฉัน—”
“ผมจะไปส่ง” เขาขัดขึ้น น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดจนเธอไม่กล้าขัด
รดาขึ้นรถด้วยความเก้อเขิน ระหว่างทาง ภวินท์ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจ “มีใครมารับคุณบ้างไหม?”
“ไม่มีค่ะ ฉันกลับรถเมล์ทุกวัน” รดาตอบ
“จากนี้ไปไม่ต้อง” เขาพูด “ผมจะไปรับไปส่งคุณเอง”
รดาตาโต “ไม่ต้องค่ะ! ฉันกลัวรบกวนท่านประธาน”
“ผมอยากทำ” เขาหันมองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง “คุณเป็นคนสำคัญสำหรับผม”
คำพูดนั้นทำให้รดาชะงัก เธอไม่รู้จะตอบอะไร หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง พยายามซ่อนใบหน้าที่แดงระเรื่อ แต่ในใจของเธอเริ่มสับสน—เขาหมายถึงอะไรกันแน่?
---
คืนนั้น ภวินท์นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของคอนโดสุดหรูของเขา มือข้างหนึ่งถือแก้วไวน์แดง เขามองไปยังภาพถ่ายของรดาที่เขาแอบถ่ายไว้ตอนเธอกำลังยิ้มในงานเลี้ยง เขารู้สึกถึงความปรารถนาที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากให้เธออยู่ข้างๆ เขาตลอดเวลา อยากให้เธอมองเขาเหมือนที่เขามองเธอ
“รดา...” เขาพึมพำชื่อของเธอ ความคลั่งรักในใจของเขาเริ่มควบคุมไม่ได้ เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะไม่ซ่อนความรู้สึกนี้อีกต่อไป เขาจะทำให้เธอเป็นของเขา ไม่ว่าต้องใช้วิธีไหนก็ตาม
บทที่ 4
กำแพง
เช้าวันใหม่ในออฟฟิศของ 'PW Group' เริ่มต้นด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดเล็กน้อย รดานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานใหม่ของเธอ ซึ่งถูกย้ายมาใกล้ห้องของภวินท์ตามคำสั่งของเขา เธอกำลังจดจ่อกับการร่างแผนงานสำหรับโปรเจกต์ใหม่ แต่สายตาของเพื่อนร่วมงานบางคนที่มองมาทางเธอนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและความอิจฉา ข่าวลือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์เริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และมันกำลังกลายเป็นระเบิดเวลาที่พร้อมจะปะทุ
“รดา เธอไปทำอะไรให้ท่านประธานหลงขนาดนี้เหรอ?” เสียงของน้ำหวาน เพื่อนร่วมงานที่เคยสนิทกับเธอ ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชันขณะที่เธอเดินมาหยุดที่โต๊ะของรดา
รดาหันมองด้วยความงุนงง “อะไรเหรอคะพี่น้ำหวาน ฉันไม่เข้าใจ”
น้ำหวานยิ้มเยาะ “อย่ามาทำเป็นใสซื่อเลย เธอรู้ไหมว่าคนทั้งบริษัทพูดถึงเธอยังไง? บางคนบอกว่าเธอใช้หน้าตาเข้าหาท่านประธานเพื่อเลื่อนตำแหน่ง”
รดาตาโต “ไม่จริงนะคะ! ฉันแค่ทำงานของฉัน—”
“ทำงานของเธอ?” น้ำหวานขัดขึ้น “แล้วทำไมท่านประธานถึงเรียกเธอเข้าห้องทุกวันล่ะ? ทำไมเขาถึงขับรถไปส่งเธอ? อย่าบอกนะว่าเรื่องแบบนี้มันปกติสำหรับพนักงานฝึกหัด”
รดาอ้าปากจะเถียง แต่คำพูดของน้ำหวานเหมือนมีดที่แทงเข้าไปในใจของเธอ เธอรู้สึกอับอายและสับสน เธอไม่เคยคิดที่จะใช้ใครเพื่อผลประโยชน์ แต่คำพูดเหล่านี้ทำให้เธอเริ่มสงสัยตัวเอง
ก่อนที่รดาจะได้ตอบอะไร ประตูห้องทำงานของภวินท์เปิดออก เขาก้าวออกมาด้วยท่าทางสง่างามเหมือนเคย สายตาของเขากวาดมองไปยังน้ำหวานและรดา น้ำหวานรีบลดสายตาลงทันที แต่ภวินท์ไม่พูดอะไร เขาเดินตรงมาที่รดาแล้ววางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะของเธอ
“ผมต้องการให้คุณตรวจเอกสารนี้ให้เสร็จภายในบ่ายนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่สายตาของเขาที่มองน้ำหวานนั้นเย็นชาจนทำให้เธอรู้สึกหนาวสันหลัง
“ค่ะท่านประธาน” รดาตอบเบาๆ แล้วก้มหน้าลงทำงานต่อ
น้ำหวานเดินจากไปด้วยสีหน้าบูดบึ้ง แต่รดารู้สึกได้ถึงสายตาของภวินท์ที่ยังคงมองเธออยู่ เขายืนนิ่งอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับเข้าห้องไป รดาถอนหายใจออกมา เธอพยายามโฟกัสกับงาน แต่คำพูดของน้ำหวานยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
---
ช่วงบ่ายวันนั้น ขณะที่รดากำลังจะเข้าไปส่งเอกสารในห้องของภวินท์ เธอได้ยินเสียงสนทนาดังออกมาจากในห้อง เสียงหนึ่งเป็นของภวินท์ และอีกเสียงเป็นของผู้หญิงที่เธอไม่คุ้นเคย เธอลังเลที่จะเคาะประตู แต่ความอยากรู้ทำให้เธอยืนฟังอยู่นิ่งๆ
“ภวินท์ คุณต้องหยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้แล้ว” เสียงของผู้หญิงคนนั้นดังชัด “การที่คุณไปสนิทกับพนักงานเด็กๆ แบบนี้ มันทำให้คนในบริษัทมองคุณไม่ดี”
“ผมไม่สนว่าใครจะมองผมยังไง พิมพ์” ภวินท์ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผมทำในสิ่งที่ผมอยากทำ”
“แต่เด็กคนนั้นมันเด็กเกินไปสำหรับคุณ!” ผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์โต้กลับ “คุณอายุ 35 แล้ว เธอแค่ 20 เอง คุณคิดจริงๆ เหรอว่ามันจะไปรอด?”
รดารู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบแน่น เธอรู้ทันทีว่าพวกเขากำลังพูดถึงเธอ เธอกัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นน้ำตาที่เริ่มเอ่อขึ้นมา
“ผมไม่ต้องการคำแนะนำจากคุณ” ภวินท์พูด “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ออกไปได้”
ประตูถูกเปิดออกกะทันหัน รดาตกใจจนเกือบทำแฟ้มเอกสารหล่น เธอเจอกับสายตาของผู้หญิงสวยในชุดสูทสีแดงเข้มที่มองเธอด้วยความดูถูก พิมพ์—ที่รดาจะรู้ในภายหลังว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของภวินท์และผู้จัดการฝ่ายการเงิน—เดินผ่านเธอไปโดยไม่พูดอะไร แต่สายตาคู่นั้นทำให้รดารู้สึกตัวเล็กลงไปอีก
“คุณยืนอยู่นี่ได้ยังไง?” ภวินท์ถามเมื่อเห็นเธอ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที
“เอ่อ... ฉันมาส่งเอกสารค่ะ” รดาตอบเบาๆ แล้วรีบวางแฟ้มลงบนโต๊ะ เธอไม่กล้าสบตาเขา
ภวินท์มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนลง “คุณได้ยินอะไรบ้าง?”
รดาส่ายหน้า “ไม่ค่ะ ไม่ได้ยินอะไรเลย” เธอโกหก เพราะเธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน
เขาเดินมาใกล้เธอ วางมือลงบนไหล่ของเธอเบาๆ “ถ้ามีอะไร รบกวนบอกผม ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่ดี”
รดาพยักหน้า “ค่ะ ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มให้เขา แต่รอยยิ้มนั้นฝืนยิ้มจนเขาเองก็ดูออก
---
หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของรดากับภวินท์เริ่มเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น เพื่อนร่วมงานบางคนเริ่มตั้งแง่กับเธอ โดยเฉพาะน้ำหวานที่กลายเป็นคนนำทีมในการนินทาเธอ ขณะที่พิมพ์ก็เริ่มเข้ามายุ่งเกี่ยวกับภวินท์มากขึ้น เธอพยายามโน้มน้าวให้เขาห่างจากรดา โดยอ้างเรื่องชื่อเสียงของบริษัทและความเหมาะสม
รดาเริ่มรู้สึกกดดัน เธอตั้งคำถามกับตัวเองทุกคืนว่าเธอควรทำยังไง เธอเริ่มชอบภวินท์—ความเอาใจใส่ของเขา ความฉลาดของเขา และความอบอุ่นที่เขาแสดงออกมาในบางครั้ง—แต่ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทั้งอายุและฐานะทำให้เธอกลัว เธอกลัวว่าเธอจะไม่ดีพอสำหรับเขา กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นแค่ความฝันที่สวยงามเกินจริง
วันหนึ่ง ขณะที่รดากำลังนั่งกินข้าวคนเดียวในห้องอาหารของบริษัท ภวินท์เดินเข้ามานั่งตรงข้ามเธอโดยไม่พูดอะไร เขาวางถาดอาหารลงแล้วมองเธอด้วยสายตาจริงจัง
“ทำไมคุณดูไม่มีความสุข?” เขาถาม
รดาตกใจ “ฉัน... ไม่เป็นอะไรค่ะ”
“อย่าโกหกผม” เขาขัดขึ้น “ผมรู้ว่ามีคนพูดอะไรเกี่ยวกับคุณ และผมจะจัดการเอง”
“ไม่ต้องค่ะ!” รดารีบพูด “ฉันไม่อยากให้ท่านประธานเดือดร้อนเพราะฉัน”
“ผมไม่เดือดร้อน” เขาพูด “แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครทำให้คุณเสียใจ”
คำพูดของเขาทำให้รดาน้ำตาคลอ เธอรู้สึกซาบซึ้ง แต่ก็ยังกลัว “ท่านประธาน... ฉันไม่รู้ว่าฉันเหมาะกับการอยู่ใกล้คุณจริงๆ หรือเปล่า ทุกคนบอกว่าเราไม่เข้ากัน”
ภวินท์วางตะเกียบลง แล้วจับมือของเธอไว้แน่น “ผมไม่สนว่าใครจะพูดอะไร ผมรู้แค่ว่าผมต้องการคุณอยู่ข้างๆ ผม และผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็น”
รดามองเขาด้วยความสับสนปนหวาดกลัว “พิสูจน์ยังไงคะ?”
“ให้เวลาผม” เขาพูด “ผมจะทำให้คุณเชื่อว่าความรักของผมจริงจัง”
---
คืนนั้น รดานอนไม่หลับ เธอนั่งมองเพดานห้อง คิดถึงคำพูดของภวินท์ “ความรักของผมจริงจัง” คำนั้นวนอยู่ในหัวของเธอซ้ำๆ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากเขา แต่ก็ยังกลัวว่ามันจะพังทลายลงเพราะอุปสรรคที่ขวางกั้น
ในขณะเดียวกัน ภวินท์ยืนอยู่ที่ระเบียงคอนโดของเขา มองออกไปยังแสงไฟของเมือง เขารู้ว่าการต่อสู้เพื่อรดาจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาพร้อมที่จะทำทุกอย่าง เขาจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเธอไปจากเขา ไม่ว่าจะเป็นคำพูดของคนอื่น หรือความแตกต่างที่ทุกคนมองว่าเป็นกำแพง
“รดา...” เขาพึมพำ “คุณจะต้องเป็นของผม”
บทที่ 5
สัมผัส--ความรู้สึก
ค่ำคืนหนึ่งในกรุงเทพฯ ฝนตกหนักราวกับฟ้าจะถล่มลงมา รดายืนอยู่ใต้ชายคาของบริษัท 'PW Group' มองไปยังสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย เธอเพิ่งทำงานเสร็จดึก และรถเมล์ที่เธอรอก็ยังไม่มา เธอถอนหายใจเบาๆ ความเหนื่อยล้าจากงานและความกดดันจากคำพูดของเพื่อนร่วมงานยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ทันใดนั้น แสงไฟหน้ารถยนต์สีดำคุ้นตาค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ รดาเงยหน้าขึ้นมอง แล้วหัวใจของเธอก็เต้นแรงเมื่อเห็นภวินท์ลดกระจกลง “ขึ้นมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่เธอเริ่มคุ้นเคย
“ท่านประธาน—” รดาจะปฏิเสธ แต่ภวินท์เปิดประตูฝั่งผู้โดยสารให้เธอทันที
“อย่าดื้อ” เขาพูด “คุณจะป่วยเอาได้”
รดายิ้มเจื่อนๆ แล้วก้าวขึ้นรถ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากเครื่องปรับอากาศในรถที่ตัดกับอากาศเย็นจากฝนด้านนอก ภวินท์ขับรถออกไปโดยไม่พูดอะไรเพิ่ม แต่สายตาของเขาที่แอบมองเธอเป็นระยะนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใย
“ขอบคุณค่ะ” รดาพูดเบาๆ ขณะที่เธอพยายามบิดผ้าที่เปียกฝนจากชายเสื้อ
“ไม่ต้องขอบคุณ” ภวินท์ตอบ “ผมบอกแล้วว่าผมจะดูแลคุณ”
คำพูดนั้นทำให้รดาชะงัก เธอหันมองเขา แต่เขายังคงจดจ่อกับถนนข้างหน้า เธอรู้สึกถึงบางอย่างในน้ำเสียงของเขา—ความจริงจังที่มากกว่าแค่คำพูดปลอบใจ
---
รถคันนั้นไม่ได้มุ่งหน้าไปยังหอพักของรดา แต่กลับเลี้ยวเข้าสู่ถนนที่นำไปยังย่านที่อยู่อาศัยสุดหรู ภวินท์ขับรถเข้าไปในอาคารคอนโดมิเนียมสูงตระหง่าน แล้วจอดลงในที่จอดรถส่วนตัว รดามองไปรอบๆ ด้วยความงุนงง
“เอ่อ... ที่นี่ที่ไหนคะ?” เธอถาม
“บ้านผม” ภวินท์ตอบสั้นๆ แล้วลงจากรถ เดินไปเปิดประตูให้เธอ “ฝนตกแบบนี้ ผมไม่อยากให้คุณกลับไปเปียกๆ ฝน ค้างที่นี่คืนหนึ่งก่อน”
รดาตาโต “คะ? แต่ฉัน—”
“ไม่มีแต่” เขาขัดขึ้น “ผมมีห้องรับรอง คุณจะได้พักผ่อนเต็มที่”
รดากัดริมฝีปาก เธอรู้สึกเก้อเขินแต่ก็ไม่มีทางเลือก เธอตามเขาขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของคอนโด ห้องพักของภวินท์กว้างขวางและตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์น ผนังกระจกบานใหญ่เผยให้เห็นวิวเมืองที่สวยงามแม้จะถูกสายฝนบดบัง
ภวินท์พาเธอไปยังห้องรับรองที่สะอาดสะอ้าน เขาหยิบชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาวสะอาดจากตู้มาให้เธอ “เปลี่ยนชุดก่อน ผมไม่อยากให้คุณป่วย”
รดารับชุดนั้นมาด้วยมือที่สั่นเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดแล้วรีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อเธอกลับออกมา ภวินท์นั่งรอเธออยู่ที่โซฟา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำเรียบง่าย แขนเสื้อถูกพับขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นแขนที่แข็งแรง
“มานั่งสิ” เขาพูด ชี้ไปที่โซฟาข้างๆ เขา
รดานั่งลงด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญในโลกของเขา ภวินท์มองเธอเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้น “คุณดูไม่มีความสุขเลยช่วงนี้”
รดาชะงัก “ฉัน... ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ”
“รดา” เขาเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ผมรู้ว่าคุณเจออะไรมาบ้าง คำพูดของคนในบริษัท ความกดดันจากพิมพ์ ผมรู้หมด”
รดาน้ำตาคลอ “ท่านประธานไม่ต้องห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันจัดการได้”
“ผมห่วง” เขาขัดขึ้น “ผมห่วงคุณมากกว่าที่คุณคิด”
คำพูดนั้นทำให้รดามองเขาด้วยความประหลาดใจ ภวินท์ลุกขึ้นจากโซฟา แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ เขาจับมือของเธอทั้งสองข้างไว้แน่น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังและความรู้สึกที่เขาซ่อนมานาน
“รดา ฟังผมให้ดี” เขาพูด “ผมรักคุณ”
รดาตัวแข็งทื่อ “คะ?”
“ผมรักคุณ” เขาพูดซ้ำ “ตั้งแต่วันแรกที่ผมเห็นคุณ ผมรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน คุณทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้น ผมอยากปกป้องคุณ อยากอยู่เคียงข้างคุณ และผมจะไม่ยอมให้อะไรมาขวางกั้นเรา”
รดาน้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว “ท่านประธาน... ฉันไม่รู้ว่าฉันควร—”
“เรียกผมว่าภวินท์” เขาขัดขึ้น “ผมไม่ใช่แค่เจ้านายของคุณ ผมอยากเป็นมากกว่านั้น”
รดาสูดหายใจลึกๆ “แต่... ทุกคนบอกว่าเราไม่เหมาะสมกัน อายุของเรา ฐานะของเรา—”
“ผมไม่สน” เขาพูด “ผมไม่สนว่าใครจะพูดอะไร ผมแคร์แค่คุณ คุณคือคนที่ผมเลือก และผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด”
รดามองเข้าไปในดวงตาของเขา เธอเห็นความจริงใจและความมุ่งมั่นที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือของเขาที่กุมมือเธอไว้ และในวินาทีนั้น ความกลัวทั้งหมดของเธอเริ่มละลายหายไป
“ฉัน... ฉันก็ชอบคุณค่ะ” เธอพูดออกมาเบาๆ “แต่ฉันกลัว กลัวว่ามันจะไม่เวิร์ค”
ภวินท์ยิ้ม—รอยยิ้มที่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก “ผมจะทำให้มันเวิร์ค ผมสัญญา”
เขาดึงเธอเข้ามากอด รดาซบหน้าลงกับไหล่ของเขา น้ำตาของเธอไหลลงมาด้วยความโล่งใจและความสุข เธอรู้สึกถึงหัวใจของเขาที่เต้นแรงไม่แพ้กัน และในอ้อมกอดนั้น เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะเปิดใจให้เขา
---
เช้าวันต่อมา ฝนหยุดตกแล้ว รดาตื่นขึ้นมาในห้องรับรอง เธอมองออกไปยังระเบียงที่ภวินท์ยืนอยู่ เขาหันมามองเธอแล้วยิ้ม “ตื่นแล้วเหรอ?”
รดายิ้มตอบ “ค่ะ”
“วันนี้ผมจะพาคุณไปกินข้าวเช้า” เขาพูด “แล้วเราจะเริ่มต้นวันแรกของเราด้วยกัน”
รดาเดินไปยืนข้างเขา มองวิวเมืองที่สวยงามภายใต้แสงแดดยามเช้า เธอรู้สึกเหมือนโลกของเธอเปลี่ยนไป—จากเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง สู่คนที่ถูกชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบที่สุดรักอย่างหมดหัวใจ
---
หลังจากวันนั้น ภวินท์เริ่มแสดงความรักต่อรดาอย่างเปิดเผย เขาพาเธอไปกินข้าวหลังเลิกงาน ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มาให้เธอ และคอยดูแลเธอในทุกเรื่อง เพื่อนร่วมงานบางคนยังคงนินทา แต่รดาเริ่มไม่สนใจ เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อมีภวินท์อยู่ข้างๆ
แต่พิมพ์—ลูกพี่ลูกน้องของภวินท์—ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอเริ่มวางแผนที่จะแยกทั้งคู่ออกจากกัน โดยร่วมมือกับน้ำหวานที่ยังคงอิจฉารดาอยู่ พวกเธอเริ่มปล่อยข่าวลือร้ายๆ เกี่ยวกับรดา และพยายามทำให้ภวินท์สงสัยในความรักของเธอ
วันหนึ่ง ขณะที่รดากำลังทำงาน ภวินท์เรียกเธอเข้าไปในห้อง เขาวางเอกสารฉบับหนึ่งลงบนโต๊ะ “นี่อะไร?” เขาถาม น้ำเสียงของเขาเย็นชากว่าปกติ
รดามองเอกสารนั้น—มันเป็นอีเมลที่ดูเหมือนเธอส่งไปหาคู่แข่งของบริษัท เนื้อหาคือการรั่วไหลข้อมูลลับ รดาตกใจ “ฉันไม่ได้ส่งนี่ค่ะ! ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”
ภวินท์มองเธอด้วยสายตาที่สับสน “ผมอยากเชื่อคุณ แต่หลักฐานมันชัดเจน”
รดาน้ำตาไหล “ภวินท์... คุณต้องเชื่อฉัน ฉันรักคุณ ฉันไม่มีวันทำอะไรแบบนี้”
เขามองเธอเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ “ผมจะสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจน แต่ตอนนี้ ผมอยากให้คุณหยุดงานไปก่อน”
รดารู้สึกเหมือนโลกของเธอพังทลาย เธอเดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่แตกสลาย แต่ในใจของเธอ เธอยังคงเชื่อว่าภวินท์จะพิสูจน์ความจริงให้เธอได้
บทที่ 6
หวานรัก
หลังจากเหตุการณ์อีเมลปริศนา รดารู้สึกเหมือนหัวใจของเธอถูกบีบแน่น เธอถูกสั่งให้หยุดงานชั่วคราวตามคำสั่งของภวินท์ และถึงแม้เขาจะบอกว่าเขาจะสืบหาความจริงให้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด เธอกลับมาที่หอพักเล็กๆ ของเธอ นั่งมองฝนที่ตกลงมาอีกครั้งผ่านหน้าต่าง คิดถึงคำพูดของเขาที่บอกว่ารักเธอ และสงสัยว่ามันจะยังคงเป็นจริงอยู่ไหม
ในขณะเดียวกัน ภวินท์นั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา มองเอกสารอีเมลนั้นด้วยสายตาที่เย็นชา เขารู้ว่ารดาไม่มีทางทำอะไรแบบนี้—หัวใจของเขาบอกอย่างนั้น แต่หลักฐานที่อยู่ตรงหน้ามันชัดเจนเกินกว่าจะมองข้าม เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาทีมไอทีของบริษัท “ผมต้องการให้คุณตรวจสอบที่มาของอีเมลนี้เดี๋ยวนี้” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาด “ผมไม่สนว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน หาคนที่ทำเรื่องนี้ให้เจอ”
---
สองวันต่อมา รดานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของเธอ กำลังกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เธอทำไว้ เธอพยายามทำให้ตัวเองยุ่งเพื่อลืมความรู้สึกหนักอึ้งในใจ แต่แล้วเสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น เธอเดินไปเปิดประตูด้วยความสงสัย แล้วชะงักเมื่อเห็นภวินท์ยืนอยู่ตรงหน้า เขาสวมเสื้อโค้ทสีเทาเข้ม ผมเปียกเล็กน้อยจากฝนที่เพิ่งหยุดตก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เธออ่านไม่ออก
“ภวินท์...” รดาพูดเบาๆ “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”
“ผมมาขอโทษ” เขาพูด แล้วก้าวเข้ามาในห้องโดยไม่รอคำเชิญ เขาดึงเธอเข้ามากอดแน่น “ผมผิดเองที่สงสัยคุณ ผมพบคนที่ทำเรื่องนี้แล้ว—น้ำหวานกับพิมพ์ร่วมมือกันปลอมอีเมลเพื่อใส่ร้ายคุณ”
รดาน้ำตาคลอ “จริงเหรอคะ?”
ภวินท์พยักหน้า “ผมจัดการพวกเธอแล้ว น้ำหวานถูกไล่ออก ส่วนพิมพ์ผมตัดขาดจากทุกโปรเจกต์ในบริษัท คุณไม่ต้องกังวลอะไรอีก”
รดาซบหน้าลงกับอกของเขา “ฉันดีใจที่คุณเชื่อฉัน”
“ผมจะไม่มีวันสงสัยคุณอีก” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอเบาๆ “กลับมาทำงานกับผมนะ รดา ผมขาดคุณไม่ได้”
รดายิ้มทั้งน้ำตา “ค่ะ”
---
ตั้งแต่วันนั้น ความสัมพันธ์ของรดากับภวินท์เข้าสู่ช่วงเวลาที่หวานชื่นที่สุด ภวินท์พาเธอกลับมาทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยพิเศษของเขาอีกครั้ง และคราวนี้เขาไม่สนใจสายตาของใครอีกต่อไป เขาแสดงออกถึงความรักของเขาอย่างเปิดเผย—จับมือเธอในที่ประชุม ส่งดอกไม้มาให้เธอที่โต๊ะทำงาน และพาเธอไปกินข้าวเย็นหลังเลิกงานเกือบทุกวัน
วันหนึ่ง ภวินท์พารดาไปร้านอาหาร rooftop สุดหรูที่มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา เขาสั่งอาหารที่เธอชอบ—กุ้งเผาและส้มตำ—แล้วนั่งมองเธอกินด้วยรอยยิ้ม
“อะไรคะ?” รดาถามเมื่อเห็นเขามองเธอไม่วางตา
“ผมแค่รู้สึกโชคดี” เขาตอบ “ที่มีคุณอยู่ข้างๆ”
รดาหน้าแดง “พูดอะไรแบบนี้ ฉันเขินนะคะ”
ภวินท์หัวเราะเบาๆ แล้วจับมือเธอไว้ “ผมอยากให้คุณเขินแบบนี้ทุกวัน”
หลังอาหารเย็น เขาพาเธอไปเดินเล่นริมแม่น้ำ รดารู้สึกถึงสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่าน และความอบอุ่นจากมือของเขาที่กุมมือเธอไว้ เธอพิงไหล่เขาเบาๆ “ภวินท์... ฉันไม่เคยคิดว่าชีวิตฉันจะเป็นแบบนี้”
“แบบไหน?” เขาถาม
“มีความสุขแบบนี้” เธอตอบ “ขอบคุณนะคะ ที่รักฉัน”
ภวินท์หยุดเดิน แล้วหันมากอดเธอ “ผมควรเป็นคนขอบคุณ คุณทำให้ชีวิตผมมีสีสัน”
---
ไม่กี่วันต่อมา ภวินท์ตัดสินใจพารดาไปเปิดตัวกับครอบครัวของเขา เขาพาเธอไปที่บ้านพักตากอากาศในหัวหิน บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความหรูหรา พ่อแม่ของภวินท์—นายพลชัยและคุณหญิงวรรณ—ต้อนรับรดาด้วยรอยยิ้ม แม้ว่ารดาจะรู้สึกเกร็งในตอนแรก
“หนูชื่อรดาเหรอ?” คุณหญิงวรรณถาม “น่ารักดีนะ ภวินท์เล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังเยอะเลย”
รดาหน้าแดง “จริงเหรอคะ?”
“จริงสิ” นายพลชัยหัวเราะ “มันไม่เคยพาใครมาให้เราดูเลย นอกจากหนูคนนี้”
ภวินท์ยิ้ม “เพราะเธอพิเศษครับ”
คืนนั้น หลังอาหารเย็น ภวินท์พารดาไปเดินเล่นที่ชายหาด เขาถือรองเท้าของเธอไว้ในมือขณะที่เธอเดินเท้าเปล่าบนทราย “คุณชอบที่นี่ไหม?” เขาถาม
“ชอบมากค่ะ” รดาตอบ “ฉันไม่เคยมาทะเลแบบนี้มาก่อน”
“จากนี้ไป ผมจะพาคุณไปทุกที่ที่คุณอยากไป” เขาพูด แล้วหยุดเดิน เขาคุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ดึงกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินออกมาจากกระเป๋า
รดาตาโต “ภวินท์... นี่อะไรคะ?”
เขาเปิดกล่อง เผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดเล็กที่ส่องประกายภายใต้แสงจันทร์ “ผมไม่ได้จะขอคุณแต่งงานตอนนี้” เขาพูด “แต่นี่คือสัญญาของผม ว่าผมจะรักคุณและดูแลคุณตลอดไป”
รดาน้ำตาไหล “ภวินท์...”
“รับมันไว้ไหม?” เขาถาม
รดาพยักหน้า “ค่ะ” เธอยื่นมือให้เขา เขาสวมแหวนนั้นให้เธอ แล้วดึงเธอเข้ามากอด รดารู้สึกถึงความรักที่ล้นหัวใจ เธอรู้ว่าเธอได้พบคนที่เธออยากใช้ชีวิตด้วยแล้ว
---
วันต่อมา ภวินท์พารดาไปงานปาร์ตี้ของเพื่อนสนิทของเขา—กลุ่มนักธุรกิจและคนมีชื่อเสียง เขาแนะนำเธอในฐานะ “แฟนของผม” ด้วยความภาคภูมิใจ เพื่อนๆ ของเขาต่างต้อนรับเธออย่างอบอุ่น และรดารู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกของเขา
“เธอน่ารักดีนะ” เพื่อนของภวินท์คนหนึ่งพูด “ไม่แปลกใจเลยที่ภวินท์คลั่งเธอขนาดนี้”
รดายิ้มเขิน “ขอบคุณค่ะ”
ภวินท์โอบเอวเธอไว้ “ผมโชคดีที่ได้เธอ”
คืนนั้น ขณะที่ทั้งคู่กลับมาที่คอนโดของภวินท์ เขาดึงเธอเข้ามากอดที่โซฟา “ผมอยากให้ทุกวันเป็นแบบนี้” เขาพูด “แค่มีคุณอยู่ข้างๆ ผม”
รดาพิงอกเขา “ฉันก็อยากให้เป็นแบบนี้ค่ะ”
ทั้งคู่นั่งกอดกันเงียบๆ ฟังเสียงฝนที่เริ่มตกลงมาอีกครั้ง ความหวานชื่นของช่วงเวลานี้ทำให้ทั้งสองรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรในโลกนี้จะพรากพวกเขาออกจากกันได้
บทที่ 7
ฤ อดีตจะหวนคืน?
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่ของคอนโดมิเนียมของภวินท์ รดานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเล็กๆ ในครัว มือทั้งสองข้างประคองแก้วกาแฟอุ่นๆ ขณะที่เธอมองภวินท์ที่กำลังยืนทำแพนเค้กอยู่หน้าเตา เขาสวมเสื้อยืดสีขาวเรียบง่ายและกางเกงขาสั้น แตกต่างจากภาพลักษณ์ท่านประธานสุดเนี้ยบที่เธอเคยเห็นในวันทำงาน รดายิ้มให้กับภาพนั้น—มันเป็นความอบอุ่นที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้สัมผัส
“อะไรทำให้คุณยิ้ม?” ภวินท์หันมามองเธอ แผ่นแพนเค้กในกระทะถูกพลิกอย่างคล่องแคล่ว
“แค่รู้สึกว่า... คุณน่ารักดีค่ะ” รดาตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ
ภวินท์ยกคิ้ว “น่ารัก? คำนี้ไม่ค่อยเหมาะกับผมนะ”
“เหมาะสิคะ” รดายืนยัน “โดยเฉพาะตอนนี้”
เขายิ้มมุมปาก แล้วเดินมาวางจานแพนเค้กที่ราดน้ำผึ้งลงตรงหน้าเธอ “กินเยอะๆ นะ วันนี้ผมจะพาคุณไปซื้อของ”
รดาตาโต “ซื้ออะไรคะ?”
“ของใช้ของคุณ” เขาตอบ “ผมอยากให้คุณย้ายมาอยู่กับผม”
รดาชะงัก “คะ? แต่—”
“ผมรู้ว่ามันเร็วไป” เขาขัดขึ้น “แต่ผมอยากตื่นมาเจอคุณทุกวัน ผมอยากดูแลคุณให้มากกว่านี้”
รดาหน้าแดง เธอรู้สึกถึงความจริงใจในคำพูดของเขา และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พยักหน้า “ค่ะ... ฉันยินดี”
ภวินท์ยิ้มกว้าง—รอยยิ้มที่หายากสำหรับเขา—แล้วก้มลงจูบหน้าผากของเธอ “ดีมาก”
---
วันนั้น ทั้งคู่ใช้เวลาด้วยกันอย่างมีความสุข ภวินท์พารดาไปห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เขาซื้อของใช้ให้เธอทุกอย่างที่เธอต้องการ—ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงของตกแต่งห้อง เขายืนยันที่จะจ่ายเองทั้งหมด แม้ว่ารดาจะพยายามแย้งว่าเธอมีเงินเก็บของตัวเองบ้าง
“ผมอยากทำเพื่อคุณ” เขาพูดขณะถือถุงช้อปปิ้งให้เธอ “ปล่อยให้ผมได้ดูแลคุณบ้าง”
รดายิ้ม “คุณเอาแต่ตามใจฉันแบบนี้ ฉันจะเสียคนนะคะ”
“ผมยินดีให้คุณเสียคน” เขาตอบ แล้วจับมือเธอเดินต่อ
แต่ความหวานชื่นนั้นไม่ได้ยาวนานอย่างที่ทั้งคู่หวัง ระหว่างที่พวกเขากำลังเดินออกจากห้าง รถยนต์สีเทาคันหนึ่งจอดขวางหน้าพวกเขา ผู้หญิงคนหนึ่งในชุดเดรสสีดำเรียบหรูก้าวลงจากรถ เธอมีใบหน้าสวยคม ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ และท่าทางที่ดูคุ้นเคยกับภวินท์อย่างชัดเจน
“ภวินท์” เธอเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นานแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน”
รดารู้สึกถึงความตึงเครียดในอากาศทันที ภวินท์ปล่อยมือเธอ แล้วหันไปมองผู้หญิงคนนั้น “วรินทร์” เขาพูดชื่อเธอ “คุณมาทำอะไรที่นี่?”
วรินทร์ยิ้มเยาะ “ฉันได้ยินมาว่าคุณมีแฟนใหม่ เลยอยากมาเห็นกับตา” เธอหันมองรดาด้วยสายตาดูถูก “เด็กนี่เหรอ? คุณลดสเป็คลงเยอะเลยนะ”
รดารู้สึกเหมือนถูกตบหน้า เธอกำมือแน่น แต่ภวินท์ก้าวไปยืนขวางหน้าเธอทันที “พูดจาให้มันดีๆ” เขาเตือน “รดาคือคนที่ผมรัก และผมจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเธอ”
วรินทร์หัวเราะ “รัก? คุณเคยพูดแบบนี้กับฉันเหมือนกัน จำได้ไหม?”
รดามองภวินท์ด้วยความสับสน “ภวินท์... เธอเป็นใครคะ?”
ภวินท์ถอนหายใจ “วรินทร์เป็นแฟนเก่าของผม เราเลิกกันไปเมื่อสามปีก่อน”
“เลิกกัน?” วรินทร์ขัดขึ้น “คุณทิ้งฉันต่างหาก หลังจากที่ฉันยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อคุณ!”
“ผมไม่ได้ขอให้คุณทำอะไรทั้งนั้น” ภวินท์ตอบ “มันจบไปแล้ว วรินทร์ กลับไปใช้ชีวิตของคุณเถอะ”
วรินทร์มองเขาด้วยความเจ็บปวด “คุณจะเสียใจที่เลือกเด็กคนนี้ ภวินท์ ฉันจะทำให้คุณเห็น”
เธอหันหลังเดินกลับไปที่รถ แล้วขับออกไป รดายืนนิ่ง มองตามหลังวรินทร์ด้วยความรู้สึกที่ปั่นป่วน “ภวินท์... เกิดอะไรขึ้นระหว่างคุณกับเธอคะ?” เธอถาม
ภวินท์หันมามองเธอ “มันเป็นอดีตที่ผมไม่อยากพูดถึง แต่ถ้าคุณอยากรู้ ผมจะเล่าให้ฟังทั้งหมด”
---
คืนนั้น ภวินท์พารดากลับมาที่คอนโด เขานั่งลงที่โซฟาข้างเธอ แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวของเขากับวรินทร์ “เราเจอกันตอนผมเริ่มสร้างบริษัทใหม่ๆ วรินทร์เป็นลูกสาวของนักลงทุนใหญ่ เธอช่วยผมเยอะในช่วงแรกๆ และเราก็คบกัน แต่ผมรู้ตัวว่าผมไม่ได้รักเธอจริงๆ ผมอยู่กับเธอเพราะความรู้สึกผิดมากกว่า”
รดาฟังเงียบๆ “แล้วทำไมคุณเลิกกับเธอ?”
“เพราะผมไม่อยากโกหกตัวเองอีกต่อไป” เขาตอบ “ผมบอกเธอตามตรงว่าเราไปต่อกันไม่ได้ เธอโกรธมาก และพยายามกลับมาหาผมหลายครั้ง แต่ผมตัดขาดเธอไป”
รดาพยักหน้า “ฉันเข้าใจค่ะ แต่... เธอดูเหมือนยังไม่ยอมปล่อยคุณไป”
ภวินท์จับมือเธอ “ผมไม่สนใจเธอแล้ว รดา คุณคือคนที่ผมรัก และผมจะไม่ปล่อยให้อดีตมาทำลายสิ่งที่เรามี”
รดายิ้มให้เขา “ฉันเชื่อคุณค่ะ”
---
แต่สิ่งที่รดาและภวินท์ไม่รู้คือ วรินทร์ไม่ได้ตั้งใจจะยอมแพ้ง่ายๆ เธอกลับไปที่คอนโดของตัวเอง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่เธอรู้จักในวงการสื่อ “ฉันมีเรื่องให้คุณช่วย” เธอพูด “ฉันต้องการให้ทุกคนรู้ว่าแฟนใหม่ของภวินท์ไม่ใช่คนดีอย่างที่เขาคิด”
ไม่กี่วันต่อมา ข่าวลือเกี่ยวกับรดาเริ่มแพร่กระจายในโซเชียลมีเดีย—ภาพถ่ายเก่าๆ ของเธอที่ถูกตัดต่อให้ดูไม่ดี บทความที่กล่าวหาว่าเธอใช้เสน่ห์หลอกล่อภวินท์เพื่อเงินทอง และคำสัมภาษณ์จาก “แหล่งข่าวนิรนาม” ที่อ้างว่ารดาเคยมีอดีตที่ไม่น่าภาคภูมิใจ
รดานั่งอ่านข่าวเหล่านั้นในห้องทำงานของภวินท์ น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ “ภวินท์... ฉันกลัว ทุกคนจะเกลียดฉัน”
ภวินท์ดึงเธอเข้ามากอด “ผมจะจัดการเรื่องนี้ คุณไม่ต้องกังวล”
เขาหันไปสั่งทีมประชาสัมพันธ์ของบริษัทให้ออกแถลงการณ์ทันที พร้อมจ้างทีมกฎหมายเพื่อตามหาคนที่อยู่เบื้องหลัง เขารู้ว่าวรินทร์ต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง และเขาจะไม่ยอมให้เธอทำร้ายรดาได้
---
วันต่อมา ภวินท์พารดาไปที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัวอีกครั้ง เขาต้องการให้เธอพักผ่อนจากความวุ่นวาย แต่ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งอยู่ที่ระเบียง วรินทร์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เธอเดินเข้ามาด้วยท่าทางมั่นใจ พร้อมเอกสารในมือ
“ภวินท์ คุณต้องฟังฉัน” เธอพูด “เด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่คุณคิด ฉันมีหลักฐานว่าเธอเคย—”
“พอได้แล้ว!” ภวินท์ตะโกน “ผมไม่สนใจสิ่งที่คุณจะพูด วรินทร์ ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้”
รดาลุกขึ้นยืน “ไม่ค่ะ ภวินท์ ฉันอยากรู้ว่าเธอมีอะไร”
วรินทร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ แล้วยื่นเอกสารให้รดา “นี่คือหลักฐานว่าเธอเคยทำงานที่บาร์ตอนเรียนมหาลัย และมีรูปที่เธออยู่กับผู้ชายหลายคน”
รดามองเอกสารนั้น แล้วหัวเราะออกมา “นี่มันไม่จริงเลยค่ะ ฉันเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟ ไม่ใช่บาร์ และรูปพวกนี้มันตัดต่อชัดๆ”
ภวินท์ฉวยเอกสารนั้นมาดู แล้วหันไปมองวรินทร์ “คุณหมดหนทางถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ผมจะฟ้องคุณในข้อหาหมิ่นประมาท”
วรินทร์หน้าเสีย “ภวินท์ คุณจะเสียใจ—”
“คนที่ควรเสียใจคือคุณ” เขาขัด “ออกไป ก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจ”
วรินทร์จากไปด้วยความโกรธ แต่รดากลับรู้สึกโล่งใจ เธอหันไปกอดภวินท์ “ขอบคุณค่ะ ที่ปกป้องฉัน”
“ผมจะปกป้องคุณเสมอ” เขาพูด “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น”
---
คืนนั้น รดานั่งกอดภวินท์ที่ระเบียง เธอรู้ว่าอดีตของเขาอาจจะยังตามหลอกหลอน แต่เธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขา และช่วยให้เขาผ่านมันไปได้ ความรักของทั้งคู่ถูกทดสอบอีกครั้ง แต่คราวนี้มันทำให้พวกเขาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
บทที่ 8
พิสูจน์รัก
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนระเบียงบ้านพักตากอากาศที่หัวหิน รดานั่งพิงไหล่ของภวินท์ ขณะที่ทั้งคู่มองออกไปยังผืนทะเลที่เงียบสงบหลังจากเหตุการณ์ตึงเครียดกับวรินทร์เมื่อช่วงเย็น เสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งเป็นเหมือนบทเพลงกล่อมใจที่ช่วยให้รดารู้สึกสงบลง เธอหันไปมองใบหน้าคมของภวินท์ที่ดูครุ่นคิด
“คุณยังกังวลเรื่องเธออยู่เหรอคะ?” รดาถามเบาๆ
ภวินท์ถอนหายใจ “ไม่ใช่เรื่องวรินทร์ที่ผมกังวล แต่ผมกลัวว่าคุณจะต้องมาเจออะไรแบบนี้อีกเพราะผม”
รดาจับมือเขาไว้แน่น “ฉันไม่กลัวค่ะ ตราบใดที่คุณอยู่ข้างฉัน”
ภวินท์หันมองเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความรู้สึกผิด “ผมสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ผมจะปกป้องคุณให้ดีกว่านี้”
รดายิ้ม “ฉันเชื่อคุณค่ะ”
ทั้งคู่กอดกันเงียบๆ ใต้แสงจันทร์ ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของภวินท์ทำให้รดารู้สึกมั่นใจว่าพวกเขาจะผ่านทุกอย่างไปได้ แต่ลึกๆ ในใจ เธอรู้ว่าการต่อสู้เพื่อความรักของพวกเขายังไม่จบ
---
วันรุ่งขึ้น ภวินท์พารดากลับมากรุงเทพฯ เขาตั้งใจจะจัดการเรื่องวรินทร์ให้เด็ดขาด เขานัดเจอกับทีมกฎหมายของบริษัทเพื่อยื่นฟ้องเธอในข้อหาหมิ่นประมาทและปลอมแปลงเอกสาร ขณะเดียวกัน เขาสั่งให้ทีมประชาสัมพันธ์ออกแถลงการณ์ชี้แจงทุกอย่างเกี่ยวกับข่าวลือของรดา เพื่อปกป้องชื่อเสียงของเธอ
ในออฟฟิศ รดากลับมาทำงานด้วยรอยยิ้มที่สดใสอีกครั้ง เพื่อนร่วมงานบางคนที่เคยตั้งแง่กับเธอเริ่มเปลี่ยนทัศนคติเมื่อเห็นว่าภวินท์จริงจังกับเธอแค่ไหน มิ้นต์—เพื่อนรุ่นพี่ที่เคยเตือนเธอ—เดินมาหยุดที่โต๊ะของเธอพร้อมรอยยิ้ม
“ฉันต้องขอโทษที่เคยพูดอะไรไม่ดีเกี่ยวกับเธอนะ” มิ้นต์พูด “เห็นท่านประธานปกป้องเธอแบบนี้ ฉันรู้แล้วว่าเธอพิเศษจริงๆ”
รดายิ้มตอบ “ไม่เป็นไรค่ะพี่มิ้นต์ ฉันเข้าใจ”
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ” มิ้นต์พูดต่อ “ท่านประธานน่ะคลั่งเธอมาก ฉันไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้กับใครมาก่อน”
รดาหัวเราะเบาๆ “ฉันจะพยายามค่ะ”
---
แต่ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น วรินทร์กลับไม่ยอมหยุด เธอติดต่อสื่ออีกครั้ง และคราวนี้เธอปล่อยข้อมูลที่ร้ายแรงกว่าเดิม—เอกสารที่อ้างว่าเป็นสัญญาลับระหว่างภวินท์กับนักลงทุนที่ผิดกฎหมายในอดีต เธอหวังจะทำลายชื่อเสียงของเขาให้พังพินาศ และฉุดรดาลงไปด้วย
ข่าวนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ภวินท์ถูกเรียกตัวไปชี้แจงกับคณะกรรมการบริษัท เขายืนยันว่าเอกสารนั้นเป็นของปลอม และเขาไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมาย แต่ความกดดันจากสื่อและนักลงทุนเริ่มทำให้ 'PW Group' สั่นคลอน
คืนนั้น ภวินท์กลับมาที่คอนโดด้วยสีหน้าที่เหนื่อยล้า รดารอเขาอยู่ที่โซฟา เธอลุกขึ้นวิ่งไปกอดเขา “คุณเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ผมไม่เป็นไร” เขาตอบ แต่รดาดูออกว่าเขาโกหก
“ภวินท์... บอกฉันตามตรงเถอะค่ะ” เธอพูด “ฉันอยากช่วยคุณ”
เขานั่งลง แล้วดึงเธอมากอด “บริษัทกำลังเจอปัญหาใหญ่ วรินทร์พยายามทำลายผม และผมกลัวว่ามันจะกระทบคุณ”
รดาคลายกอด แล้วจับหน้าเขาด้วยสองมือ “ฉันไม่สนว่ามันจะกระทบฉันยังไง ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเจ็บ”
ภวินท์มองเธอด้วยความซาบซึ้ง “คุณไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้”
“ฉันเลือกที่จะอยู่กับคุณ” รดาพูด “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะไม่ทิ้งคุณ”
คำพูดของเธอเหมือนแสงสว่างที่ส่องเข้ามาในความมืดของเขา ภวินท์ก้มลงจูบเธอ—จูบที่เต็มไปด้วยความรักและความมุ่งมั่น เขารู้ว่าเขาต้องสู้เพื่อเธอ และเพื่ออนาคตของพวกเขา
---
วันต่อมา ภวินท์จัดการแถลงข่าวครั้งใหญ่ เขายืนต่อหน้าสื่อพร้อมรดาที่อยู่เคียงข้าง ทีมกฎหมายของเขานำหลักฐานมาแสดงว่าเอกสารของวรินทร์เป็นของปลอม และเปิดเผยว่าเธอเป็นคนอยู่เบื้องหลังทุกอย่าง เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายสิ่งที่ผมรัก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทของผม หรือคนที่ผมรักที่สุด”
รดายืนข้างเขา มือของเธอถูกเขากุมไว้แน่น เธอรู้สึกถึงพลังจากเขา และความมั่นใจที่เขามอบให้ เมื่อแถลงข่าวจบ สื่อบางส่วนเริ่มเปลี่ยนท่าที และนักลงทุนที่เคยลังเลก็กลับมาให้การสนับสนุน
แต่ภวินท์รู้ว่านี่ยังไม่ใช่จุดจบ เขาตัดสินใจทำอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเพื่อพิสูจน์รักแท้ของเขาให้รดาเห็น
---
เย็นวันหนึ่ง ภวินท์พารดาไปที่สวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาจัดเตรียมดินเนอร์ส่วนตัวใต้แสงเทียน ท่ามกลางดอกไม้ที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงาม รดามองไปรอบๆ ด้วยความตื่นเต้น “นี่อะไรคะ?”
“ผมอยากให้วันนี้พิเศษสำหรับคุณ” เขาพูด แล้วคุกเข่าลงต่อหน้าเธออีกครั้ง คราวนี้เขาถือกล่องแหวนที่ใหญ่กว่าเดิม—แหวนหมั้นเพชรเม็ดโตที่ส่องประกายเจิดจ้า
“รดา” เขาเริ่ม “ผมรู้ว่าเราเจออะไรมาด้วยกันเยอะมาก และทุกครั้งที่ผมเจอปัญหา คุณคือคนที่ทำให้ผมมีแรงสู้ต่อ ผมพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อคุณ—บริษัทของผม ชื่อเสียงของผม ทุกอย่าง—ถ้ามันหมายถึงการได้ใช้ชีวิตกับคุณ ผมขอให้คุณแต่งงานกับผม คุณจะเป็นภรรยาของผมไหม?”
รดาน้ำตาคลอ เธอรู้สึกถึงความรักที่ล้นหัวใจ “ค่ะ... ฉันยินดี”
ภวินท์สวมแหวนให้เธอ แล้วดึงเธอเข้ามากอด ผู้คนรอบๆ สวนที่แอบมองอยู่ปรบมือให้กับทั้งคู่ รดารู้สึกเหมือนฝัน—ฝันที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริง
---
หลังจากนั้น วรินทร์ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เธอต้องจ่ายค่าเสียหายให้ภวินท์และรดา และชื่อเสียงของเธอพังทลายลง 'PW Group' กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ด้วยการสนับสนุนจากรดาที่ช่วยภวินท์คิดแคมเปญใหม่ๆ เธอเติบโตจากเด็กสาวธรรมดาเป็นหญิงสาวที่มั่นใจ และเป็นคู่ชีวิตที่ภวินท์ขาดไม่ได้
คืนหนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่นอนกอดกันบนเตียง ภวินท์กระซิบข้างหูเธอ “ขอบคุณที่เชื่อในตัวผม”
รดายิ้ม “ขอบคุณที่รักฉันค่ะ”
เขาจูบเธอเบาๆ “ผมจะรักคุณตลอดไป”
รดารู้สึกมั่นใจในความรักของเขา—ความรักที่ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว และแข็งแกร่งยิ่งกว่าที่เคย
บทที่ 9
ระฆัง
หนึ่งปีต่อมา วันที่แสนพิเศษมาถึงท่ามกลางแสงแดดอ่อนๆ ของกรุงเทพฯ รดายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องแต่งตัวของโรงแรมหรู เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่ตัดเย็บอย่างปราณีต ผ้าซีทรูบางเบาคลุมไหล่ของเธอ กระโปรงยาวลากพื้นประดับด้วยลูกไม้ละเอียดอ่อน เธอมองตัวเองในกระจกด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้น
“สวยมากเลยค่ะ” เสียงของมิ้นต์—ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนสนิทของเธอ—ดังขึ้นจากด้านหลัง มิ้นต์ช่วยปรับผ้าคลุมหน้าให้เธอ “ท่านประธานต้องตะลึงแน่ๆ”
รดาหัวเราะเบาๆ “ฉันหวังอย่างนั้นค่ะ”
ประตูห้องเปิดออก คุณหญิงวรรณ—แม่ของภวินท์—เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เธอสวมชุดไทยสีทองอ่อนที่ดูสง่างาม “ลูกสวยมากเลยนะ” เธอพูดแล้วเดินมากอดรดา “แม่ดีใจที่ได้ลูกสะใภ้แบบหนู”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่” รดาตอบ น้ำตาคลอด้วยความซาบซึ้ง เธอไม่เคยคิดว่าครอบครัวของภวินท์จะยอมรับเธอได้ขนาดนี้ แต่ตั้งแต่วันที่เธอได้พบพวกเขาครั้งแรก คุณหญิงวรรณและนายพลชัยก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ
---
ที่ลานพิธีกลางแจ้งของโรงแรม ภวินท์ยืนอยู่ในชุดสูทสีขาวสะอาดตา ผมของเขาถูกเซ็ตอย่างเรียบร้อย เขามองไปยังแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน—เพื่อนสนิท นักธุรกิจชื่อดัง และพนักงานของ 'PW Group' ที่เขาคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมอย่างสมบูรณ์แบบ ดอกไม้สีขาวและสีพาสเทลประดับเต็มบริเวณ เก้าอี้ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ และวงดนตรีสดบรรเลงเพลงรักเบาๆ
เมื่อเพลงเริ่มเปลี่ยนเป็นทำนองที่คุ้นเคย ทุกสายตาหันไปยังทางเดินที่ปูด้วยพรมสีขาว รดาค่อยๆ ก้าวออกมา มือของเธอเกาะแขนของนายพลชัยที่อาสาเดินส่งตัวเธอ ภวินท์มองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เขารู้สึกเหมือนหัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบระเบิด เธอสวยงามราวกับนางฟ้าที่หลุดออกมาจากความฝัน
เมื่อรดามาถึงหน้าเขา นายพลชัยวางมือของเธอลงในมือของภวินท์ “ดูแลลูกสาวพ่อให้ดีนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมสัญญาครับ” ภวินท์ตอบ แล้วหันมารดาด้วยรอยยิ้ม
พิธีเริ่มต้นด้วยคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ รดาและภวินท์สบตากันตลอดเวลา คำสาบานของทั้งคู่ถูกพูดออกมาด้วยความจริงใจ
“ผม ภวินท์ สัญญาว่าจะรักและดูแลคุณรดาตลอดไป ไม่ว่าชีวิตจะเจออะไร ผมจะยืนข้างคุณเสมอ” ภวินท์พูด มือของเขากุมมือเธอแน่น
“ฉัน รดา สัญญาว่าจะรักและเคารพคุณภวินท์ ฉันจะเป็นกำลังใจให้คุณ และอยู่เคียงข้างคุณในทุกช่วงเวลาของชีวิต” รดาตอบ น้ำตาคลอในดวงตาของเธอ
เมื่อถึงช่วงแลกแหวน ภวินท์สวมแหวนทองคำขาวประดับเพชรให้เธอ ขณะที่รดาสวมแหวนเรียบง่ายแต่สง่างามให้เขา “ด้วยแหวนวงนี้ ผมขอให้คุณเป็นภรรยาของผม” เขาพูด
“ด้วยแหวนวงนี้ ฉันขอให้คุณเป็นสามีของฉัน” รดาตอบ
“ผมขอประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยา” เจ้าหน้าที่กล่าว “คุณสามารถจูบเจ้าสาวได้แล้ว”
ภวินท์ดึงรดาเข้ามากอด แล้วจูบเธออย่างอ่อนโยนท่ามกลางเสียงปรบมือและรอยยิ้มของทุกคน รดารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน—มีแค่เธอกับเขาตอนนี้
---
งานเลี้ยงฉลองจัดขึ้นในห้องบอลรูมของโรงแรม ภวินท์และรดาเต้นรำด้วยกันเป็นคู่แรก เพลงรักหวานซึ้งดังก้องในห้อง รดาพิงศีรษะลงบนไหล่ของเขา “ฉันรู้สึกเหมือนฝันเลยค่ะ”
“นี่ไม่ใช่ฝัน” ภวินท์กระซิบ “นี่คือชีวิตจริงของเรา”
หลังจากนั้น ทั้งคู่ตัดเค้กและรับคำอวยพรจากแขก เพื่อนสนิทของภวินท์แซวเขาว่า “จากคนที่บอกว่าจะไม่แต่งงาน ตอนนี้กลายเป็นสามีขี้หวงไปแล้ว”
ภวินท์หัวเราะ “ก็ผมเจอคนที่ใช่แล้วนี่”
---
หลังงานแต่งงาน ภวินท์และรดาไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์ พวกเขาใช้เวลาด้วยกันในวิลล่าส่วนตัวกลางทะเล ว่ายน้ำด้วยกัน เดินเล่นบนชายหาด และนั่งดูพระอาทิตย์ตกทุกเย็น รดารู้สึกว่าชีวิตของเธอสมบูรณ์แบบ—จากเด็กสาวธรรมดาที่มีความฝัน กลายมาเป็นภรรยาของชายที่รักเธอมากที่สุด
คืนหนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่นั่งกอดกันที่ระเบียงวิลล่า รดาพูดขึ้น “คุณเคยคิดไหมคะ ว่าวันนึงเราจะมาถึงจุดนี้?”
“ผมฝันถึงมันตั้งแต่วันแรกที่เจอคุณ” ภวินท์ตอบ “แต่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะสวยงามขนาดนี้”
รดายิ้ม “ฉันดีใจที่เราไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคเยอะแค่ไหน”
“เพราะผมมีคุณ” เขาพูด “คุณคือแรงบันดาลใจของผม”
---
หลายปีต่อมา ภวินท์และรดาสร้างครอบครัวที่อบอุ่น พวกเขามีลูกสาวตัวน้อยชื่อ “รินรดา” ที่มีรอยยิ้มเหมือนแม่และดวงตาคมเหมือนพ่อ ภวินท์ยังคงบริหาร 'PW Group' ด้วยความสำเร็จ ขณะที่รดากลายเป็นหัวหน้าฝ่ายการตลาดที่เก่งกาจ เธอเติบโตจากเด็กสาวที่มีความฝัน กลายเป็นหญิงสาวที่แข็งแกร่งและมั่นใจ
วันหนึ่ง ขณะที่ทั้งครอบครัวนั่งปิกนิกกันที่สวนสาธารณะ รินรดาวิ่งเล่นไปรอบๆ ภวินท์มองรดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “ผมภูมิใจในตัวคุณมาก” เขาพูด
รดายิ้ม “ฉันก็ภูมิใจในตัวคุณค่ะ”
“เรามาด้วยกันไกลมากเลยนะ” เขาพูด แล้วจับมือเธอ
“และเราจะไปด้วยกันอีกไกลกว่านี้” รดาตอบ
ทั้งคู่หันไปมองลูกสาวที่วิ่งกลับมาหาพวกเขา รินรดากระโดดเข้ามากอดทั้งพ่อและแม่ “หนูรักพ่อกับแม่นะคะ!”
“พ่อกับแม่ก็รักหนู” ภวินท์และรดาพูดพร้อมกัน แล้วหัวเราะออกมา
---
ชีวิตของภวินท์และรดากลายเป็นแรงบันดาลใจให้คนรอบข้าง เพื่อนร่วมงานที่เคยสงสัยในความรักของพวกเขาต่างยอมรับว่าความรักที่แท้จริงนั้นมีอยู่จริง มิ้นต์ที่ตอนนี้แต่งงานแล้วยังคงแซวรดาว่า “เธอคือตัวอย่างของรักแท้เลยนะ”
รดาจะยิ้มตอบเสมอ “เพราะฉันเจอคนที่รักฉันจริงๆ”
ในทุกค่ำคืน ภวินท์และรดาจะนอนกอดกัน บางครั้งก็เล่าเรื่องเก่าๆ ให้กันฟัง บางครั้งก็แค่นอนเงียบๆ ฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน ความรักของทั้งคู่ไม่เคยจืดจาง มันกลับยิ่งเข้มข้นขึ้นตามกาลเวลา
“รักคุณนะ” ภวินท์จะกระซิบข้างหูเธอทุกคืน
“รักคุณค่ะ” รดาจะตอบ แล้วหลับไปในอ้อมกอดของเขา
และนั่นคือบทสรุปของ “รัก (ไม่) ลับฉบับท่านประธาน”—เรื่องราวของความรักที่ผ่านการทดสอบ ฝ่าฟันอุปสรรค และลงเอยด้วยความสุขที่ทั้งคู่สมควรได้รับ