* ✨👇✨ กดรับ Link นิยายรสแซ่บได้ที่ปกทุกปกที่นี่เลยจ้าา ✨👇✨ *

niyayZAP Related E-Books Related E-Books Related E-Books Related E-Books Series E-Books niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Related E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน Series เจ้าสาวหญ้าอ่อน niyayZAP Series E-Books Series E-Books Series E-Books Series E-Books niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP niyayZAP Related E-Books niyayZAP niyayZAP Related E-Books Series E-Books Series E-Books  Series E-Books

Sunday, February 2, 2025

✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI

.⋆🧸。นิยายเขาอ่านแล้วปวดใจ มาอ่านนิยายที่ Blog เค้าเอามั้ย เธอจะได้แต่เรื่องปวดเอว~*
สุดปัง กดเลยที่รูปภาพด้านบน 👇สำหรับวิธีการโหลดนิยาย
เลื่อนลงไปที่ '6 step How to .. 6 ขั้นตอนสุดง่ายได้นิยายาฟินน์'
กด link ด้านล่างนี้ได้เลยจ้า
👇 👇 👇
✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨
✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨
✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨
✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨
✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨



ลำนำรักแห่งแดนไอยคุปต์ [01] เงาฝันแห่งฟ้าและชะตาแห่งรัก

ลำนำรักแห่งแดนไอยคุปต์ | หมื่นล้านคำรัก

🍹
ลำนำรักแห่งแดนไอยคุปต์

โดย
หมื่นล้านคำรัก และ AI

©️ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

เงาฝันแห่งฟ้าและชะตาแห่งรัก

เรื่องย่อ:
ในอาณาจักรอียิปต์อันยิ่งใหญ่ Rhodopis หญิงสาวผู้มีอดีตอันลึกลับและชะตาที่พลิกผัน เธอเริ่มต้นชีวิตจากการเป็นทาสที่ไร้ค่าในเมือง Naucratis จนกระทั่งโชคชะตาเล่นตลก เมื่อรองเท้าแตะข้างหนึ่งของเธอถูกนกอินทรีนำไปทิ้งไว้บนตักของกษัตริย์อาโมเซสแห่งอียิปต์

กษัตริย์หนุ่มผู้มีหัวใจที่กำลังแสวงหาความรักแท้ รู้สึกหลงใหลในความงดงามและความลึกลับของรองเท้าแตะนั้น เขาเริ่มต้นการค้นหาเจ้าของรองเท้าจนกระทั่งได้พบ Rhodopis หญิงสาวที่สะท้อนความหวัง ความฝัน และความมุ่งมั่นที่เขาไม่เคยพบในผู้ใด

แต่ความรักของทั้งสองไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Rhodopis ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากขุนนางผู้ทรงอำนาจที่ไม่ยอมรับในชาติกำเนิดของเธอ รวมถึงความลับในอดีตของเธอที่เริ่มปรากฏขึ้นทีละน้อย

ในขณะที่ความรักระหว่างเธอกับกษัตริย์อาโมเซสเบ่งบาน เธอต้องต่อสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ความกล้าหาญและความจริงใจนั้นสำคัญยิ่งกว่าสายเลือด

“เงาฝันแห่งฟ้าและชะตาแห่งรัก” คือเรื่องราวของความรักที่ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรค การค้นหาความจริงในอดีต และการสร้างอนาคตที่ยิ่งใหญ่ เรื่องราวที่จะพาผู้อ่านไปสัมผัสความโรแมนติกอันลึกซึ้งและความสง่างามแห่งอาณาจักรอียิปต์ที่ยากจะลืมเลือน

บทที่ 1
เสียงแห่งโชคชะตา

แสงแรกของวันทอดตัวเหนือผืนน้ำแห่งแม่น้ำไนล์ สายน้ำไหลเอื่อยสะท้อนประกายทองอ่อนๆ ลมอ่อนพัดผ่านกลุ่มต้นกกที่เอนตามแรงลม เงาของนกน้ำบินข้ามผิวน้ำเป็นระยะ เสียงแมลงร้องดังแว่วเหมือนบทเพลงแห่งรุ่งอรุณ

Rhodopis นั่งอยู่ริมแม่น้ำ มือของเธอจุ่มลงในสายน้ำเย็นพลางตักมันขึ้นลูบไล้ใบหน้า ละอองน้ำหยดลงบนไหล่ที่เปียกหมาดจากอากาศอุ่น เธอวางรองเท้าแตะคู่โปรดของเธอไว้ใกล้ตัว รองเท้าคู่นั้นทำจากหนังสีอ่อน ประดับด้วยลวดลายที่แกะสลักด้วยมืออย่างประณีต สำหรับคนอื่น มันอาจดูเป็นเพียงสิ่งของธรรมดา แต่สำหรับเธอ มันคือสิ่งเดียวที่หลงเหลือจากมารดา

“สักวัน...” เธอพึมพำกับตัวเอง ดวงตามองไปยังเส้นขอบฟ้าระยิบระยับ เธอฝันถึงการเดินทางออกจากเมืองนี้ เมืองที่ผูกมัดเธอไว้ด้วยข้อจำกัดของชีวิต เธอต้องการอิสรภาพ ต้องการโอกาสที่จะสร้างตัวตนในโลกกว้าง

ทันใดนั้น เสียงปีกกระพือดังขึ้นจากด้านบน เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงเงาทะมึนของสิ่งมีชีวิตที่บินโฉบลงมาด้วยความเร็วเกินกว่าจะทันตั้งตัว

“อ๊ะ!” เธอสะดุ้งเมื่อมันคว้ารองเท้าหนึ่งข้างไปจากข้างตัว เธอจ้องมองด้วยความตกใจ ปากอ้าค้างราวกับไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

นกอินทรีตัวนั้นบินวนเหนือเธอ สยายปีกกว้างท้าทายสายลม ก่อนจะบินสูงขึ้นไปในท้องฟ้า รองเท้าคู่โปรดของเธอห้อยอยู่ในกรงเล็บของมัน

“เจ้าเอาสิ่งเดียวที่ฉันเหลือไว้ไปไม่ได้!” เสียงตะโกนของเธอดังสะท้อนไปทั่วลุ่มน้ำ น้ำเสียงของเธอสั่นเครือระหว่างความโกรธและความสิ้นหวัง เธอรีบวิ่งไปตามริมฝั่งแม่น้ำ จ้องมองร่างของนกที่ลอยหายไปในขอบฟ้า แต่กลับได้ยินเพียงเสียงลมร้อนที่พัดผ่านใบไม้

รองเท้าแตะหายไป ราวกับถูกโชคชะตาช่วงชิง

เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สายตามองตามนกอินทรีที่ลับสายตาไป ความว่างเปล่าค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจ รองเท้าคู่นี้ไม่ใช่แค่สิ่งของ... มันคือสิ่งเดียวที่ผูกเธอไว้กับความทรงจำและความหวัง มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตที่เธอพยายามรักษาไว้ไม่ให้หลุดลอย

แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว และเธอรู้ดีว่าการสูญเสียครั้งนี้อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปตลอดกาล


บทที่ 2
ดินแดนแห่งการเปลี่ยนแปลง

Rhodopis ยังคงยืนนิ่งริมแม่น้ำไนล์ ลมหายใจเธอหนักหน่วงจากการไล่ตามที่ไร้จุดหมาย ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองท้องฟ้าที่นกอินทรีลับสายตาไป ราวกับว่ามันกำลังนำพาบางสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตเธอไปสู่ที่แห่งหนึ่ง ที่ที่เธอไม่มีวันเข้าถึง

“ทำไมต้องเป็นฉัน...” เธอพึมพำกับตัวเอง น้ำเสียงสั่นสะท้าน เธอก้มลงมองรองเท้าอีกข้างที่ยังเหลืออยู่ในมือ รองเท้าที่ไร้คู่เหมือนเธอในตอนนี้

แม้เธออยากจะกลับไปที่ตลาดของ Naucratis เพื่อทำงานประจำวัน แต่หัวใจของเธอกลับปฏิเสธ เธอไม่สามารถปล่อยให้รองเท้าคู่นั้นจากไปได้ รองเท้าคู่นั้นคือสิ่งเดียวที่ผูกเธอไว้กับอดีตและความฝัน เธอตัดสินใจทำสิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะทำ—เธอจะตามหารองเท้าของเธอกลับคืนมา


ดวงอาทิตย์เคลื่อนสูงขึ้น เธอเดินตามริมแม่น้ำไนล์ มองหาสัญญาณของนกอินทรี แม้จะไม่มีร่องรอย เธอก็ยังคงเดินต่อไป หวังว่ามันจะพาเธอไปยังที่ใดที่หนึ่ง

ไม่นานเธอเดินมาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง ผู้คนกำลังยุ่งอยู่กับการทำงานในทุ่งนาและตลาด ร่างผอมบางของเธอในเสื้อคลุมธรรมดาดึงดูดสายตาของพวกชาวบ้านที่มองเธอด้วยความสงสัย

"เจ้ากำลังมองหาอะไรหรือ เด็กสาว?" หญิงชราคนหนึ่งถาม น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลแต่เต็มไปด้วยความสงสัย

"ข้า...ข้ากำลังตามหานกอินทรีตัวใหญ่ มันเอารองเท้าของข้าไป" Rhodopis ตอบอย่างลังเล ความรู้สึกอายที่ถูกมองว่าแปลกประหลาดซ่อนอยู่ในน้ำเสียง

หญิงชราหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปทางทิศเหนือ "มีเพียงฟากฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่านกอินทรีตัวนั้นไปที่ใด แต่ถ้าเจ้าต้องการคำตอบ ลองไปที่วิหารของเทพฮอรัสดูสิ ที่นั่นอาจมีคำตอบสำหรับเจ้า"


คำพูดของหญิงชราเหมือนจุดประกายความหวัง เธอไม่รู้ว่าวิหารแห่งฮอรัสจะช่วยเธอได้จริงหรือไม่ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น วิหารนั้นตั้งอยู่ไม่ไกลนัก แต่ทางไปกลับเต็มไปด้วยความร้อนของทะเลทรายและผืนทรายที่ทอดยาว

ระหว่างทาง เธอพบกับกลุ่มพ่อค้าที่กำลังเดินทางไปยังเมืองเมมฟิส พวกเขาเสนอให้เธอร่วมเดินทางไปด้วยกัน เธอรับข้อเสนอนั้นด้วยความลังเล แต่เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะผ่านวิหารแห่งฮอรัส เธอจึงตัดสินใจเดินทางไปกับพวกเขา

“เด็กสาว เจ้าเดินทางมาคนเดียวหรือ?” หนึ่งในพ่อค้าถาม ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัย

“ข้ามาตามหาสิ่งที่สำคัญ” เธอตอบเรียบง่าย ไม่อยากอธิบายอะไรมากนัก


เมื่อเธอมาถึงวิหารแห่งฮอรัส มันตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทราย ราวกับเป็นศูนย์รวมแห่งความศรัทธาและความลึกลับ เธอเดินผ่านเสาหินสูงที่แกะสลักเป็นรูปเทพฮอรัส นกเหยี่ยวผู้ทรงพลัง

ในวิหาร เธอพบกับนักบวชคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมสีขาว เขามองเธอด้วยสายตาที่ราวกับรู้เรื่องราวในใจเธอ

"เจ้ามาที่นี่เพื่อถามหาบางสิ่งใช่หรือไม่?" เขาพูดด้วยเสียงที่สงบนิ่ง

Rhodopis กลืนน้ำลาย เธอพยักหน้า “นกอินทรีตัวหนึ่งเอาสิ่งสำคัญไปจากข้า... ข้าต้องการมันคืน”

นักบวชมองเธออย่างพิจารณา ก่อนจะเอ่ยว่า “นกอินทรีนั้นไม่ใช่สัตว์ธรรมดา มันเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า สิ่งที่มันเอาไปจากเจ้าจะนำพาเจ้าไปสู่ชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่”

คำพูดนั้นทำให้เธอสะดุ้ง ชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่? เธอไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

"เดินทางไปยังเมืองเมมฟิส เจ้าจะพบคำตอบที่นั่น" นักบวชกล่าว และชี้ไปทางทิศใต้

Rhodopis กำมือแน่น รองเท้าที่เหลือเพียงข้างเดียวอยู่ในมือเธอ "ข้าจะไป...ข้าจะตามหามันจนพบ"


---

เมื่อเธอออกจากวิหาร ความรู้สึกในใจเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป รองเท้าที่ถูกขโมยไปไม่ใช่แค่สิ่งของอีกต่อไป มันกลายเป็นกุญแจสู่อนาคตของเธอ และการเดินทางนี้จะนำพาเธอไปพบสิ่งที่เธอไม่เคยคาดคิด

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เธอมองเห็นแสงไฟจากเมืองเมมฟิสที่อยู่ไกลออกไป นั่นคือจุดหมายต่อไปของเธอ... จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต

บทที่ 3
การพบพานและชะตากรรม

ค่ำคืนคลี่คลุมแผ่นดินอียิปต์ แสงดาวพราวระยับบนฟากฟ้า Rhodopis เดินทางมาถึงประตูเมือง เมมฟิส เมืองที่เต็มไปด้วยเสียงเพลง เสียงหัวเราะ และกลิ่นหอมของอาหารจากตลาดกลางเมือง แม้เมืองนี้จะมีความเจริญรุ่งเรืองและชีวิตชีวา แต่เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยว ท่ามกลางฝูงชน เธอยังคงจับรองเท้าอีกข้างที่เหลือไว้แน่นเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ


ในขณะเดียวกัน ภายในพระราชวังของ กษัตริย์อาโมเซส เสียงกระซิบของข้าราชสำนักดังก้องไปทั่ว หญิงสาวหลายคนจากหลากชนชั้นเดินทางมายังพระราชวังด้วยความหวัง พวกเธอได้ยินข่าวลือว่า กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่กำลังตามหาเจ้าของรองเท้าสีอ่อนคู่หนึ่งที่ถูกส่งมาจากฟากฟ้าด้วยปีกของนกอินทรี

รองเท้าคู่นั้นถูกวางไว้บนแท่นทองคำกลางห้องโถงใหญ่ของพระราชวัง ความงดงามและความประณีตของมันทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง แต่สำหรับกษัตริย์อาโมเซส รองเท้าคู่นี้กลับไม่ใช่แค่สิ่งของธรรมดา มันดึงดูดเขาด้วยความลึกลับที่เขาไม่อาจอธิบายได้

“เจ้าของรองเท้านี้ต้องไม่ธรรมดา” อาโมเซสพึมพำขณะจ้องมองมัน เขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาดในใจ ความรู้สึกที่เขาไม่เคยมีต่อสตรีคนใดมาก่อน


เมื่อ Rhodopis เดินเข้าสู่ตลาดกลางเมือง เธอได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับรองเท้าที่ถูกส่งมาถึงกษัตริย์ เธอหยุดฟังพ่อค้าแม่ค้าเล่าเรื่องราวด้วยความตื่นเต้น

“รองเท้าที่สวยงามที่สุดในอียิปต์! มันตกลงบนตักของกษัตริย์! เจ้าของรองเท้าคู่นั้นจะต้องได้เป็นราชินีแน่ๆ” หญิงชราคนหนึ่งกล่าวขณะนั่งทอผ้า

หัวใจของ Rhodopis เต้นแรง เธอรู้ทันทีว่ารองเท้าที่พวกเขาพูดถึงต้องเป็นของเธอ! แต่ความคิดที่ว่ามันอยู่ในพระราชวังของกษัตริย์ทำให้เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกังวล ข้าจะเข้าไปที่นั่นได้อย่างไร?

เธอใช้เวลาทั้งวันเดินไปรอบๆ เมือง สอบถามชาวเมืองเกี่ยวกับทางเข้าพระราชวัง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเด็กสาวธรรมดาอย่างเธอจะเป็นเจ้าของรองเท้าคู่นั้น พวกเขาหัวเราะเยาะและไล่เธอไป


ในขณะที่เธอนั่งหมดแรงอยู่ริมถนน หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ หญิงคนนั้นชื่อ เนเฟอร์ เป็นนางกำนัลในพระราชวัง เธอสังเกตเห็น Rhodopis และรองเท้าที่เธอถือไว้ในมือ

“เจ้า...เป็นอะไรกับรองเท้านั่น?” เนเฟอร์ถามด้วยความสงสัย

Rhodopis เงยหน้าขึ้นมองและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เนเฟอร์มองเธอด้วยแววตาใคร่ครวญ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “บางทีข้าอาจช่วยเจ้าได้”


คืนนั้น เนเฟอร์พา Rhodopis เข้าไปในพระราชวังโดยปลอมตัวเป็นหนึ่งในนางกำนัล เธอพา Rhodopis ไปยังห้องโถงใหญ่ที่มีรองเท้าข้างหนึ่งวางอยู่บนแท่น Rhodopis มองมันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งดีใจและเศร้าในเวลาเดียวกัน

“ข้าไม่รู้ว่ากษัตริย์จะเชื่อหรือไม่ แต่เจ้าไม่มีทางเลือกนอกจากแสดงความจริง” เนเฟอร์กระซิบ

ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้น กษัตริย์อาโมเซสเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปยัง Rhodopis ที่ยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้อง เธอก้มหน้าลงด้วยความประหม่า

“เจ้าเป็นใคร?” อาโมเซสถาม น้ำเสียงของเขาเข้มงวดแต่ไม่ไร้เมตตา

Rhodopis สูดลมหายใจลึก ก่อนจะยื่นรองเท้าอีกข้างที่เธอถืออยู่ในมือให้ดู “ข้า...ข้าคือเจ้าของรองเท้านี้”

ห้องทั้งห้องเงียบสงัด ทุกสายตาจับจ้องไปที่เธอ

กษัตริย์มองรองเท้าทั้งสองข้างที่ตอนนี้กลับมาคู่กันอีกครั้ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยจากความสงสัยเป็นความสนใจ “เล่ามา...ว่าเจ้ามีรองเท้าคู่นี้ได้อย่างไร”


---

ในขณะที่ Rhodopis เริ่มเล่าเรื่องราวของเธอ ความจริงเกี่ยวกับรองเท้าคู่โปรด ความฝัน และการเดินทางของเธอเริ่มเผยออกมา น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจและความเด็ดเดี่ยว แม้เธอจะเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา แต่คำพูดของเธอกลับสะกดทุกคนในห้อง

กษัตริย์อาโมเซสมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกแปลกประหลาดในใจนี้คืออะไร แต่เขาแน่ใจว่าการพบกับเธอในคืนนี้จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล

บทที่ 4
พิสูจน์ชะตากรรม

เสียงในห้องโถงใหญ่เงียบสงัดจนได้ยินเพียงเสียงลมหายใจ Rhodopis เงยหน้าขึ้นช้าๆ พบกับสายตาคมกริบของกษัตริย์อาโมเซสที่จับจ้องมาที่เธอเหมือนกำลังพิจารณาบางอย่าง ดวงตาสีนิลของเขาเปล่งประกายคล้ายซ่อนคำถามมากมาย ขณะที่ Rhodopis รวบรวมความกล้าหาญ เธอกำรองเท้าข้างที่เหลือแน่นในมือ

“เล่ามาเถิด เจ้าได้รองเท้าคู่นี้มาอย่างไร” กษัตริย์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่กลับแฝงด้วยอำนาจที่ยากจะต้านทาน

Rhodopis สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่นกอินทรีคว้ารองเท้าของเธอไปจนถึงการเดินทางอันยากลำบากที่พาเธอมาถึงพระราชวัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความจริงใจและความเศร้าจางๆ

“รองเท้าคู่นี้...มันเป็นสิ่งเดียวที่ข้ามีจากแม่ผู้ล่วงลับ มันเป็นเหมือนความหวังและกำลังใจของข้า ข้าจึงไม่อาจปล่อยให้มันหายไปได้” Rhodopis กล่าว น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย

บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องเธออย่างตั้งใจ แม้แต่กษัตริย์อาโมเซสที่ปกติจะสงบเยือกเย็น ยังแสดงออกถึงความสนใจในตัวหญิงสาวที่ยืนอยู่เบื้องหน้า


กษัตริย์หันไปมองข้าราชบริพารที่ยืนอยู่รอบห้อง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “นำรองเท้าข้างนั้นมา”

ข้าราชบริพารคนหนึ่งก้าวไปหยิบรองเท้าข้างที่อยู่บนแท่นทองคำและนำมาวางต่อหน้า Rhodopis เธอวางรองเท้าข้างที่เธอถืออยู่ลงข้างๆ พวกมันพอดีกันราวกับถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกันและกัน

เสียงซุบซิบดังขึ้นในห้องโถง ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น บางคนยังคงสงสัยว่าหญิงสาวธรรมดาผู้นี้เป็นเจ้าของรองเท้าที่งดงามและประณีตถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

“แม้รองเท้าจะเข้าคู่กัน แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือความจริงใจ” กษัตริย์กล่าว ดวงตาของเขายังคงจับจ้องที่ Rhodopis

“ข้าไม่มีอะไรจะพิสูจน์ นอกจากเรื่องราวที่ข้าเล่า” Rhodopis ตอบ น้ำเสียงมั่นคง เธอรู้ว่าชะตากรรมของเธอขึ้นอยู่กับความเชื่อของกษัตริย์ในตัวเธอ


กษัตริย์อาโมเซสเดินเข้ามาใกล้ Rhodopis ดวงตาของเขาจับจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอ ราวกับพยายามมองลึกลงไปในจิตใจของเธอ เขาเห็นบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้—ความบริสุทธิ์ ความกล้าหาญ และความมุ่งมั่นที่ไม่มีใครในราชสำนักมี

“เจ้าคือหญิงสาวที่ฟ้ากำหนดไว้” กษัตริย์เอ่ย น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย

เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วห้องโถง ข้าราชบริพารบางคนแสดงความไม่พอใจ ขณะที่บางคนเริ่มกระซิบถึงความลึกลับของชะตากรรมที่นำพา Rhodopis มายังพระราชวัง

“แต่ฝ่าบาท...” ข้าราชบริพารคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความลังเล “เธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา ไม่น่าจะเหมาะสมกับพระองค์...”

กษัตริย์หันมามองด้วยสายตาเย็นชา “ข้าไม่ได้ตัดสินคนจากยศถาบรรดาศักดิ์ แต่จากหัวใจของพวกเขา และหัวใจของนางสะท้อนถึงความกล้าหาญและความจริงใจที่ข้าตามหา”

Rhodopis รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านในหัวใจ เธอไม่เคยคาดคิดว่าชะตากรรมจะพาเธอมาถึงจุดนี้


--- 

ในคืนนั้น กษัตริย์อาโมเซสประกาศว่า Rhodopis คือผู้ที่เขาเลือก เธอไม่ได้ถูกเลือกเพราะความงามของรองเท้า แต่มันเป็นเพราะจิตวิญญาณที่บริสุทธิ์ของเธอ

Rhodopis ที่เคยเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดากลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในพระราชวัง เธอรู้ว่าการเดินทางของเธอยังไม่สิ้นสุด และเธอจะต้องเผชิญกับอุปสรรคอีกมากมาย แต่เธอพร้อมที่จะเผชิญทุกสิ่งด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง

ในขณะที่แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้องโถง กษัตริย์อาโมเซสมองรองเท้าคู่นั้นอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่แค่สิ่งของ แต่เป็นสัญลักษณ์ของชะตากรรมที่นำพาเขาและ Rhodopis มาพบกัน

Rhodopis เองก็เงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ เธอรู้ดีว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของบทใหม่ในชีวิตของเธอ—บทที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง ความท้าทาย และความรักที่รอคอยเธออยู่

บทที่ 5
เงาแห่งความริษยา

หลังจากกษัตริย์อาโมเซสประกาศว่า Rhodopis คือผู้ที่เขาเลือก เสียงของราชสำนักที่เต็มไปด้วยความยินดีและความไม่พอใจยังคงสะท้อนอยู่ในมุมต่างๆ ของพระราชวัง บางคนชื่นชมในความกล้าหาญของกษัตริย์ที่เลือกหญิงสาวจากจิตใจมากกว่าสถานะ แต่บางคนกลับมองว่า Rhodopis เป็นคนนอกที่ไม่สมควรได้รับเกียรตินี้


“หญิงสาวที่ไม่มีชาติตระกูลหรือความสามารถอะไร เธอเป็นใครกันถึงได้กลายเป็นคนที่กษัตริย์เลือก?” เสียงกระซิบจากกลุ่มนางในดังขึ้นในห้องโถงเล็กที่ใช้พักผ่อน

“ข้าว่าเธอคงใช้เล่ห์กลบางอย่างแน่ๆ” อีกคนเสริมด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

Rhodopis รู้ดีว่าเธอถูกจับตามอง เธอสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชาและคำพูดลับหลังที่เหมือนเข็มแหลมแทงลงในหัวใจ แต่เธอกลับไม่ตอบโต้อะไร เธอเลือกที่จะสงบนิ่งและปล่อยให้การกระทำของเธอพิสูจน์ตัวเอง


ในคืนหนึ่ง ระหว่างที่ Rhodopis เดินเล่นในสวนของพระราชวัง เธอพบกับหญิงสาวผู้หนึ่งที่ยืนรออยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ หญิงสาวผู้นั้นคือ ทาเลีย ธิดาของขุนนางผู้มีอิทธิพลในราชสำนัก ทาเลียเป็นหญิงที่งดงามและชาญฉลาด แต่จิตใจของเธอกลับเต็มไปด้วยความริษยา

“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าการได้ครอบครองรองเท้าคู่นั้นจะทำให้เจ้าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้?” ทาเลียเอ่ย น้ำเสียงของเธอแหลมคม

Rhodopis หันมามองทาเลียด้วยสายตานิ่งสงบ “ข้าไม่ได้คิดว่าตำแหน่งนี้เป็นของข้า แต่ข้ารู้ว่าข้ามาอยู่ที่นี่ด้วยชะตากรรม”

“ชะตากรรม? หรือแค่โชคดี?” ทาเลียเย้ยหยัน “เจ้าไม่มีอะไรเลย ไม่มีครอบครัว ไม่มีอำนาจ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้เจ้าคู่ควรกับกษัตริย์”

Rhodopis ยืนนิ่งและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย “ข้าอาจไม่มีสิ่งที่เจ้ากล่าวมา แต่ข้ามีหัวใจที่ซื่อสัตย์ต่อความจริง และข้าเชื่อว่านั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด”

คำตอบของเธอทำให้ทาเลียโกรธจัด แต่แทนที่จะโต้กลับ ทาเลียกลับเก็บความโกรธนั้นไว้ในใจ เธอตัดสินใจว่าถ้า Rhodopis ยังคงอยู่ในพระราชวัง เธอจะต้องหาทางกำจัดหญิงสาวคนนี้ออกไป


ในขณะเดียวกัน Rhodopis ได้พบกับผู้ช่วยคนสำคัญอีกคนในราชสำนัก เขาคือ เมห์ริ องครักษ์หนุ่มผู้ซื่อสัตย์ของกษัตริย์ เมห์ริสังเกตเห็นว่าหญิงสาวถูกกลั่นแกล้งและถูกมองด้วยความไม่เป็นมิตรจากคนในวัง

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าการอยู่ที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย?” เมห์ริถามขณะเดินเคียงข้างเธอในสวน

“ข้ารู้” Rhodopis ตอบ “แต่ข้าไม่อาจถอยกลับไปได้ ข้าจะไม่ปล่อยให้ความฝันและความหวังที่ข้าพามาถึงที่นี่ต้องสูญเปล่า”

เมห์ริยิ้มบางๆ “เจ้ามีความกล้าหาญมากกว่าที่ข้าเคยพบ ข้าจะคอยอยู่เคียงข้างเจ้า”

คำพูดของเมห์ริทำให้ Rhodopis รู้สึกมีกำลังใจ แม้จะมีศัตรูในเงามืด แต่เธอก็เริ่มเห็นว่ามีคนที่พร้อมจะยืนเคียงข้างเธอ


ในห้องส่วนตัวของเธอ ทาเลียเริ่มวางแผนที่จะทำให้ Rhodopis เสื่อมเสียชื่อเสียง เธอรวบรวมกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับการตัดสินใจของกษัตริย์และสร้างข่าวลือเกี่ยวกับ Rhodopis

“เราจะทำให้ทุกคนในราชสำนักเห็นว่าเธอไม่คู่ควรกับตำแหน่งนี้” ทาเลียกล่าว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

เธอเริ่มสร้างสถานการณ์ต่างๆ ที่ทำให้ Rhodopis ดูเหมือนทำผิด ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เธอถูกกล่าวหาว่าทำของสำคัญในวังหาย หรือการทำให้เธอดูเหมือนไม่เคารพกฎระเบียบของราชสำนัก


--- 

แม้จะเผชิญกับแผนการร้ายของทาเลียและเสียงซุบซิบนินทา แต่ Rhodopis ยังคงยืนหยัดด้วยความมั่นคง เธอพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำหน้าที่ในราชสำนักอย่างเต็มที่ และได้รับการสนับสนุนจากเมห์ริและเนเฟอร์

แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่าศัตรูในเงามืดยังคงรอคอยโอกาสที่จะโค่นล้มเธอ การเดินทางของเธอในฐานะสตรีที่ถูกเลือกจากชะตากรรมยังคงเต็มไปด้วยอุปสรรคที่เธอต้องฟันฝ่า

แสงจันทร์สาดส่องผ่านหน้าต่างพระราชวัง Rhodopis ยืนมองออกไปยังฟ้ากว้าง เธอสาบานกับตัวเองว่าเธอจะต่อสู้เพื่อความจริงและความฝันของเธอ ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้

บทที่ 6
ความจริงเปิดเผย

สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงเริ่มพัดผ่านพระราชวังแห่งเมมฟิส เสียงซุบซิบเกี่ยวกับ Rhodopis ยังคงแพร่กระจายไปทั่ว ทั้งในหมู่นางในและเหล่าขุนนาง ทว่า ความมุ่งมั่นของ Rhodopis ไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย เธอเฝ้าทำหน้าที่ของตนเองอย่างเคร่งครัด แม้จะไม่มีตำแหน่งแน่ชัดในราชสำนัก

แต่แผนการของทาเลียก็เริ่มเข้าสู่จุดสำคัญ ขณะที่ Rhodopis ต้องเผชิญกับอุปสรรคใหม่ที่ดูเหมือนจะท้าทายทุกสิ่งที่เธอมี


วันหนึ่ง ในระหว่างที่ Rhodopis กำลังดูแลสวนสมุนไพรของพระราชวัง ซึ่งเธอได้รับมอบหมายให้ดูแลเพื่อแสดงความตั้งใจ ทาเลียได้สั่งให้นางในผู้หนึ่งแอบขโมยเครื่องประดับสำคัญของกษัตริย์และซ่อนมันไว้ในพื้นที่ที่ Rhodopis ดูแล

เมื่อข่าวการหายไปของเครื่องประดับล้ำค่านั้นแพร่กระจายไปทั่ว ทาเลียก็รีบเสนอให้ตรวจสอบทุกพื้นที่ในพระราชวัง ขุนนางหลายคนเห็นด้วย และเมื่อพวกเขาพบเครื่องประดับที่ซ่อนอยู่ในสวนสมุนไพร ทุกสายตาก็หันมาจับจ้อง Rhodopis

“เจ้ามีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่?” ขุนนางคนหนึ่งถาม น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเคลือบแคลง

Rhodopis ยืนนิ่ง เธอรู้ดีว่าไม่มีทางที่เธอจะทำเรื่องเช่นนี้ แต่ในเมื่อหลักฐานปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอจะทำเช่นไรได้

“ข้าไม่เคยแตะต้องเครื่องประดับนี้ และข้าไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องขโมยมัน” Rhodopis กล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง

แต่คำพูดของเธอกลับถูกมองว่าเป็นข้อแก้ตัว ผู้คนเริ่มพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด และทาเลียที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แสร้งทำเป็นตกใจ

“น่าเสียดายที่เจ้ามีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง แต่กลับเลือกที่จะทำลายความไว้ใจของทุกคน” ทาเลียกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย แต่แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน


เมื่อข่าวไปถึงกษัตริย์อาโมเซส พระองค์เรียกทุกคนมายังห้องโถงใหญ่เพื่อสอบสวนเรื่องนี้ด้วยพระองค์เอง Rhodopis ถูกนำตัวมายังห้องโถงพร้อมกับเครื่องประดับที่ถูกพบ

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้ทำ” กษัตริย์เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของพระองค์สงบนิ่ง “แต่ข้าต้องการให้ความจริงปรากฏเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้า”

Rhodopis เงยหน้ามองกษัตริย์ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “ขอบพระทัยฝ่าบาท ข้าพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง”

กษัตริย์อาโมเซสจึงสั่งให้ตรวจสอบเหตุการณ์โดยละเอียด และให้เหล่าข้าราชบริพารทุกคนถูกสอบปากคำ ขณะที่ Rhodopis ถูกกักตัวไว้ชั่วคราวในที่พักของเธอ


เมห์ริ องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ ร่วมกับเนเฟอร์ นางในที่สนับสนุน Rhodopis ได้สืบหาความจริงอย่างไม่ลดละ เมห์ริสังเกตเห็นว่าทาเลียดูมีท่าทีแปลกไปตั้งแต่เครื่องประดับถูกพบในสวนสมุนไพร

เมื่อสืบสวนเพิ่มเติม เมห์ริพบว่าทาเลียได้สั่งให้นางในผู้หนึ่งทำสิ่งที่ดูน่าสงสัยในคืนก่อนหน้าที่เครื่องประดับจะถูกพบ เขาและเนเฟอร์รวบรวมหลักฐานและพยานที่เกี่ยวข้อง

ในที่สุด เมห์ริได้นำหลักฐานทั้งหมดมาเสนอแก่กษัตริย์อาโมเซส ในการประชุมพิเศษของราชสำนัก

“ฝ่าบาท ความจริงได้ปรากฏแล้ว” เมห์ริกล่าวก่อนที่จะนำพยานและหลักฐานทั้งหมดมาชี้แจง

ทาเลียพยายามปฏิเสธและกล่าวหาว่าเมห์ริสร้างเรื่อง แต่หลักฐานกลับชี้ชัดถึงแผนการของเธอ ทุกคนในราชสำนักตกตะลึงเมื่อรู้ความจริง

“ทาเลีย เจ้าคือผู้ที่ทรยศต่อความไว้วางใจของราชสำนักและพยายามทำลายชื่อเสียงของ Rhodopis” กษัตริย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น


เมื่อความจริงปรากฏ Rhodopis ได้รับการขอโทษจากหลายคนในราชสำนัก แม้กระทั่งผู้ที่เคยดูถูกเธอ ทาเลียถูกเนรเทศออกจากพระราชวัง และข่าวลือเกี่ยวกับ Rhodopis ก็ถูกยุติลง

กษัตริย์อาโมเซสเรียก Rhodopis มาพบในสวนส่วนตัวของพระองค์

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย และข้าขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้อย่างที่ควร” กษัตริย์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องขอโทษ ข้าเพียงรู้สึกซาบซึ้งที่ฝ่าบาทเชื่อมั่นในตัวข้า” Rhodopis ตอบ น้ำเสียงของเธอแฝงด้วยความอ่อนโยน

กษัตริย์ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าคือหญิงสาวที่มีหัวใจแข็งแกร่งและงดงามที่สุด ข้าไม่เคยสงสัยในตัวเจ้า”


--- 

เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ Rhodopis ได้รับการยอมรับจากคนในราชสำนักมากขึ้น แม้จะยังมีบางคนที่อิจฉาเธออยู่ แต่ความจริงใจและความพยายามของเธอก็เริ่มสัมผัสหัวใจของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ

Rhodopis รู้ว่าการเดินทางของเธอยังไม่จบ เธอยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองในฐานะผู้ที่ชะตากรรมได้เลือก และในขณะเดียวกัน เธอก็เริ่มค้นพบความรักและความไว้วางใจที่แท้จริงในพระราชวังแห่งนี้

แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดผ่านสวนสวยของพระราชวัง เธอยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่ผลิบาน พร้อมกับหัวใจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา

บทที่ 7
การทดสอบของหัวใจ

หลังจากผ่านพ้นมรสุมแห่งความริษยาและความเท็จ ชีวิตของ Rhodopis ในราชสำนักเริ่มสงบสุขขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน เส้นทางของเธอก็ไม่ได้ปราศจากบททดสอบใหม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกษัตริย์อาโมเซสเริ่มเบ่งบานดุจดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ ทว่า ความรักที่พวกเขามีต่อกันกลับถูกทดสอบด้วยเงื่อนไขของหน้าที่และความคาดหวังจากผู้คน


วันหนึ่ง ในที่ประชุมสภาขุนนาง เสียงเรียกร้องให้กษัตริย์อาโมเซสเลือกพระราชินีที่เหมาะสมตามธรรมเนียมโบราณดังกึกก้องไปทั่วห้องโถง

“ฝ่าบาท แม้ Rhodopis จะพิสูจน์ตัวเองในหลายๆ ด้าน แต่เธอก็ยังไม่มีชาติตระกูลหรือสายสัมพันธ์ทางการเมืองที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่ราชวงศ์” ขุนนางผู้หนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“หากฝ่าบาทต้องการทำให้ราชวงศ์เข้มแข็ง การอภิเษกสมรสกับสตรีจากตระกูลขุนนางสำคัญน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม” อีกคนเสริม

คำพูดเหล่านั้นทำให้กษัตริย์อาโมเซสนิ่งเงียบ พระองค์ไม่อาจเพิกเฉยต่อเสียงเรียกร้องจากสภา แต่ในหัวใจของพระองค์ ความรักที่มีต่อ Rhodopis ไม่ได้ลดน้อยลง

หลังการประชุม กษัตริย์อาโมเซสเรียก Rhodopis มาพบในสวนส่วนตัว พระองค์เล่าให้เธอฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในที่ประชุม

“เจ้ารู้ไหมว่าข้าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้า แต่หน้าที่ของข้าก็สำคัญไม่แพ้กัน” กษัตริย์กล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย

Rhodopis มองพระองค์ด้วยความเข้าใจ “ข้ารู้ว่าการเป็นกษัตริย์ไม่ใช่เรื่องง่าย และข้าไม่อยากเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝ่าบาทต้องเผชิญกับความลำบาก”

“แต่ข้าไม่ต้องการสูญเสียเจ้า” กษัตริย์กล่าวพร้อมจับมือเธอแน่น

“ข้าก็ไม่ต้องการสูญเสียฝ่าบาทเช่นกัน” Rhodopis ตอบ แต่ในดวงตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความกังวล


ในคืนนั้น Rhodopis ตัดสินใจทำบางสิ่งที่กล้าหาญ เธอขออนุญาตกษัตริย์อาโมเซสให้เธอเดินทางไปยังหมู่บ้าน Naucratis บ้านเกิดของเธออีกครั้ง เพื่อค้นหาคำตอบในใจของเธอ

“บางทีการกลับไปยังที่ที่ข้าเริ่มต้น อาจช่วยให้ข้ารู้ว่าข้าควรทำอย่างไร” Rhodopis กล่าว

แม้จะไม่อยากให้เธอไป แต่กษัตริย์ก็เคารพการตัดสินใจของเธอ

Rhodopis ออกเดินทางพร้อมกับเมห์ริที่อาสาปกป้องเธอตลอดการเดินทาง


เมื่อ Rhodopis กลับมาถึง Naucratis เธอพบว่าหมู่บ้านไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ชาวบ้านที่เคยรู้จักเธอยังคงจำเธอได้ แต่สายตาที่มองเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย

“เจ้าเป็นหญิงสาวที่ได้รับเลือกจากกษัตริย์จริงๆ หรือ?” ชาวบ้านคนหนึ่งถาม

“ข้าไม่เคยคิดว่าข้าจะเป็นคนพิเศษเช่นนั้น” Rhodopis ตอบด้วยความถ่อมตน

ในช่วงเวลาที่เธอใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้าน Rhodopis ได้เรียนรู้ว่าผู้คนต่างมองหาความหวังในตัวเธอ บางคนเห็นเธอเป็นตัวแทนของโอกาสที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ขณะที่บางคนกลับมองว่าเธอเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาที่โชคดี

แต่ในท่ามกลางเสียงเหล่านั้น Rhodopis ก็ได้ค้นพบความเข้มแข็งในตัวเอง เธอเริ่มเข้าใจว่าความรักที่แท้จริงไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถานะ แต่เป็นเรื่องของหัวใจ


เมื่อ Rhodopis กลับมาถึงพระราชวัง เธอรู้ว่ากษัตริย์อาโมเซสกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากสภาขุนนาง พระองค์ถูกบังคับให้ต้องเลือกพระราชินีภายในหนึ่งเดือน

Rhodopis พบกับกษัตริย์ในค่ำคืนหนึ่งที่ลานพระจันทร์ เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท ข้ารู้ว่าหน้าที่ของท่านสำคัญมาก และข้าจะไม่ยอมให้ความรักของเรากลายเป็นอุปสรรค”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” กษัตริย์ถาม

“ข้าจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ว่าเราสามารถอยู่ด้วยกันได้โดยไม่ทำลายสิ่งใด ข้าจะทำให้ทุกคนเห็นว่าความรักของเรามีค่าพอที่จะยืนหยัด”

คำพูดของ Rhodopis ทำให้กษัตริย์รู้สึกประทับใจและยิ่งรักเธอมากขึ้น พระองค์สัญญาว่าจะสนับสนุนเธอในทุกทาง


--- 

Rhodopis ยืนอยู่หน้าพระราชวัง เธอมองดูดาวบนท้องฟ้าและคิดถึงการต่อสู้ที่รออยู่ข้างหน้า เธอรู้ว่าความรักของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงแค่หัวใจของสองคน แต่ยังเป็นเรื่องของการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าเธอสมควรได้รับสิ่งนี้

ความมุ่งมั่นในดวงตาของ Rhodopis ส่องประกายอย่างชัดเจน แม้เธอจะไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร แต่เธอพร้อมจะเผชิญทุกสิ่งอย่างกล้าหาญและเต็มไปด้วยศรัทธาในตัวเอง

แสงจันทร์สะท้อนบนรองเท้าแตะคู่งามของเธอ ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของความฝันที่ยังไม่สิ้นสุด

บทที่ 8
การต่อสู้เพื่อหัวใจและเกียรติยศ

วันเวลาในราชสำนักเต็มไปด้วยความกดดันมากยิ่งขึ้นเมื่อกำหนดเวลาสำหรับการเลือกพระราชินีของกษัตริย์อาโมเซสใกล้เข้ามา Rhodopis ตระหนักดีว่าหากเธอไม่ทำอะไรบางอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง คนในราชสำนักและสภาขุนนางอาจจะบีบให้กษัตริย์ต้องยอมจำนนต่อประเพณีเก่าแก่


Rhodopis ตัดสินใจแสดงให้เห็นถึงคุณค่าของเธอ เธอไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่ราชสำนักต้องการ แต่เลือกที่จะใช้ความสามารถและจิตใจของเธอเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

เธอเริ่มต้นด้วยการทำงานร่วมกับชาววังที่มีตำแหน่งต่ำที่สุด ตั้งแต่คนทำสวนจนถึงนางในที่ถูกลืม เธอฟังปัญหาของพวกเขาและนำเสนอต่อกษัตริย์อาโมเซสเพื่อปรับปรุงชีวิตของพวกเขา กษัตริย์อาโมเซสทรงสนับสนุนเธอ และเมื่อเห็นผลที่เกิดขึ้น ผู้คนในราชสำนักบางส่วนเริ่มเปิดใจต่อเธอ


อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับ Rhodopis ได้โดยง่าย กลุ่มขุนนางบางกลุ่มยังคงมองว่าเธอเป็นภัยต่อสถานะของพวกเขา โดยเฉพาะท่านอูเซอร์ ขุนนางอาวุโสที่มีอิทธิพลในสภา เขาเชื่อว่าการที่หญิงสามัญชนเช่น Rhodopis จะก้าวขึ้นมาเป็นราชินีจะเป็นการทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของราชวงศ์

“เจ้ากำลังพยายามเกินตัว เจ้าไม่รู้หรือว่าการเป็นราชินีต้องการมากกว่าความกล้าหาญและความตั้งใจ?” ท่านอูเซอร์กล่าวขณะเผชิญหน้ากับ Rhodopis ในลานกลางพระราชวัง

“ข้ารู้ดีว่าข้าไม่มีสายเลือดสูงส่งหรือความร่ำรวย แต่ข้าเชื่อว่าความซื่อสัตย์และหัวใจที่พร้อมจะรับใช้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด” Rhodopis ตอบกลับด้วยความมั่นคง

คำพูดของเธอทำให้เหล่าขุนนางบางคนเริ่มฉุกคิด แต่ท่านอูเซอร์ยังคงไม่ยอมแพ้


ในที่สุด ท่านอูเซอร์เสนอให้กษัตริย์อาโมเซสจัดงานแข่งขันทักษะและปัญญาเพื่อคัดเลือกสตรีที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นพระราชินี กษัตริย์ลังเล แต่เมื่อ Rhodopis ยอมรับความท้าทาย พระองค์ก็เห็นด้วย

“ข้าจะพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ว่าข้าจะมาจากที่ใด ข้าก็มีความสามารถพอที่จะยืนเคียงข้างกษัตริย์” Rhodopis กล่าวต่อหน้าสภาขุนนาง

การแข่งขันถูกจัดขึ้นในสามวันถัดมา โดยมีหญิงสาวจากตระกูลขุนนางเข้าร่วมหลายคน รวมถึง Rhodopis ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้ที่มีโอกาสน้อยที่สุด


การแข่งขันแบ่งออกเป็นสามส่วน: ความรู้, ความสามารถในการแก้ปัญหา, และความเมตตาต่อผู้คน


Rhodopis ใช้ประสบการณ์ในชีวิตของเธอในการตอบคำถามเกี่ยวกับการปกครองและการจัดการปัญหาในสังคม แม้คำตอบของเธอจะไม่สอดคล้องกับตำราโบราณ แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจและเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ


ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหาสมมติที่เกี่ยวข้องกับการปกครอง Rhodopis ใช้แนวคิดการรับฟังและการร่วมมือ เธอเสนอแผนการที่ไม่เพียงแก้ปัญหาได้ แต่ยังช่วยให้ผู้คนมีส่วนร่วมในกระบวนการ


ในรอบนี้ ผู้เข้าแข่งขันต้องแสดงถึงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ด้อยโอกาส Rhodopis โดดเด่นเหนือใคร เธอไม่ได้แค่พูดถึงความเมตตา แต่ลงมือช่วยเหลือทันที เธอทำให้ทุกคนเห็นว่าเธอเข้าใจหัวใจของผู้คนอย่างแท้จริง


เมื่อการแข่งขันสิ้นสุดลง คณะกรรมการและกษัตริย์อาโมเซสได้ประกาศผู้ชนะ ท่ามกลางความตกตะลึงของผู้คน Rhodopis ได้รับเลือกเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด

“เจ้าพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความรัก ความตั้งใจ และความเมตตาสามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ แม้ไม่มีชาติตระกูล” กษัตริย์อาโมเซสกล่าวขณะมอบรองเท้าแตะที่หายไปคืนให้เธอ

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วห้องโถง Rhodopis ยิ้มทั้งน้ำตา เธอไม่ได้เพียงชนะการแข่งขัน แต่เธอชนะใจผู้คนและพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอสมควรได้รับโอกาสนี้


--- 

แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องกระทบรองเท้าแตะที่เธอถือไว้ในมือ มันไม่ได้เป็นเพียงรองเท้าคู่หนึ่งอีกต่อไป แต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของความฝัน ความพยายาม และความสำเร็จ

Rhodopis มองไปยังอนาคตด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก ขณะที่กษัตริย์อาโมเซสยืนเคียงข้างเธอ พวกเขาทั้งสองรู้ว่าการเดินทางของพวกเขายังไม่สิ้นสุด แต่พวกเขาพร้อมจะเผชิญทุกสิ่งด้วยกัน

เสียงก้องแห่งความยินดีดังไปทั่วพระราชวัง เมมฟิสไม่เคยสดใสเท่านี้มาก่อน

บทที่ 9
ความลับที่ถูกเปิดเผย

หลังชัยชนะของ Rhodopis ในการแข่งขันเพื่อพิสูจน์คุณค่าของเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับกษัตริย์อาโมเซสดูเหมือนจะเข้มแข็งยิ่งขึ้น แต่ในเงามืดของพระราชวัง เมฆหมอกแห่งความลับบางอย่างเริ่มก่อตัว และมันมีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้น


แม้ Rhodopis จะได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายในราชสำนัก แต่ยังคงมีบางส่วนที่ไม่พอใจ โดยเฉพาะท่านอูเซอร์ที่รู้สึกว่าความพ่ายแพ้ของเขาในครั้งก่อนเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรี ขุนนางผู้เจ้าเล่ห์จึงเริ่มขุดคุ้ยอดีตของ Rhodopis เพื่อหาจุดอ่อน

ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปทั่วราชสำนักว่าตัวตนของ Rhodopis อาจไม่ธรรมดาอย่างที่เธอเคยกล่าวไว้ บางคนอ้างว่าเธอไม่ใช่สามัญชนที่ถูกขายเป็นทาส แต่เป็นลูกหลานของตระกูลชั้นสูงที่ถูกปกปิดความจริงเอาไว้

“หากเธอเป็นเพียงหญิงธรรมดา ทำไมรองเท้าแตะของเธอจึงประดับด้วยอัญมณีล้ำค่า? และเหตุใดนกอินทรีศักดิ์สิทธิ์จึงเลือกเธอ?” ท่านอูเซอร์กล่าวในที่ประชุมลับกับเหล่าขุนนาง


ในขณะเดียวกัน เมห์ริ องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของ Rhodopis ได้รับคำสั่งให้สืบเรื่องราวในอดีตของเธอเพื่อยืนยันหรือปฏิเสธข่าวลือเหล่านั้น เขาเดินทางไปยัง Naucratis อีกครั้งเพื่อสืบหาข้อมูลจากผู้ที่รู้จัก Rhodopis ในวัยเด็ก

เมื่อมาถึง เมห์ริได้พบกับหญิงชราผู้หนึ่งที่ดูเหมือนจะรู้จัก Rhodopis อย่างลึกซึ้ง หญิงชราคนนั้นเปิดเผยว่า Rhodopis เป็นบุตรสาวของขุนนางชาวกรีกผู้มั่งคั่ง แต่ครอบครัวของเธอถูกโจมตีโดยกลุ่มโจรทะเลทรายเมื่อหลายปีก่อน พ่อแม่ของเธอถูกสังหาร และเธอถูกขายเป็นทาสตั้งแต่นั้นมา

“เธออาจลืมเรื่องนี้ไปแล้ว หรือเลือกที่จะไม่พูดถึงมัน เพราะความทรงจำเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด” หญิงชรากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า


เมื่อเมห์ริกลับมาพระราชวังพร้อมข้อมูล กษัตริย์อาโมเซสตัดสินใจเปิดเผยความจริงต่อหน้าเหล่าขุนนางในที่ประชุม

“Rhodopis อาจไม่ได้มาจากตระกูลอียิปต์ แต่เธอเป็นบุตรสาวของขุนนางผู้สูงศักดิ์ชาวกรีกที่ถูกพรากจากครอบครัวและต้องเติบโตในฐานะทาส” กษัตริย์ประกาศ

ข่าวนี้ทำให้ผู้คนในราชสำนักต่างตกตะลึง บางคนเริ่มมอง Rhodopis ด้วยความเห็นใจ ขณะที่บางคนยังคงตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของเธอ

ท่านอูเซอร์ใช้โอกาสนี้โจมตีเธออีกครั้ง “ถึงเธอจะมีชาติกำเนิดสูงศักดิ์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเธอเหมาะสมจะเป็นราชินีของอียิปต์! เธอเป็นคนนอก เป็นคนต่างชาติ!”


Rhodopis เผชิญหน้ากับการกล่าวหาเหล่านั้นด้วยความกล้าหาญ

“ข้าไม่เคยปฏิเสธอดีตของข้า และข้าไม่เคยใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่ออ้างสิทธิ์ใดๆ ทุกสิ่งที่ข้าได้รับในวันนี้มาจากความพยายามและความจริงใจของข้า” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ข้าอาจไม่ใช่คนอียิปต์โดยกำเนิด แต่ข้ารักแผ่นดินนี้และประชาชนของมันมากพอที่จะต่อสู้เพื่อพวกเขา ข้าเชื่อว่าความรักและความซื่อสัตย์ควรสำคัญกว่าสายเลือด”

คำพูดของเธอทำให้หลายคนในที่ประชุมเริ่มเปลี่ยนทัศนคติ ทว่าท่านอูเซอร์ยังคงไม่ยอมแพ้


เพื่อยุติความขัดแย้งทั้งหมด กษัตริย์อาโมเซสตัดสินใจจัดงานเทศกาลแห่งความรักขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจว่าพวกเขายอมรับ Rhodopis หรือไม่ ในงานนี้ Rhodopis ต้องออกไปพบปะกับประชาชนและแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของเธอ

Rhodopis ใช้เวลาตลอดทั้งวันในการพูดคุยกับประชาชนทุกชนชั้น เธอรับฟังปัญหาและความทุกข์ของพวกเขา โดยไม่ได้แสดงท่าทีเหนือกว่าหรือเย่อหยิ่ง

ในช่วงท้ายของวัน ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งเริ่มตะโกนขึ้นมา “เรายอมรับเธอ! เธอคือราชินีที่เราต้องการ!”

เสียงเหล่านั้นดังขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็กลายเป็นเสียงกึกก้องทั่วทั้งเมืองเมมฟิส


--- 

ความรักและความจริงใจของ Rhodopis ได้ชนะใจประชาชนและเหล่าขุนนางส่วนใหญ่ในที่สุด ท่านอูเซอร์ไม่สามารถโต้แย้งได้อีกต่อไปและต้องยอมจำนนต่อความจริง

ในค่ำคืนแห่งเทศกาล กษัตริย์อาโมเซสประกาศต่อหน้าประชาชนว่า Rhodopis จะเป็นราชินีของอียิปต์อย่างเป็นทางการ

“เธอไม่เพียงแต่ชนะใจข้า แต่ยังชนะใจพวกเจ้าทุกคน เธอคือแสงสว่างที่อียิปต์ต้องการ”

เสียงไชโยโห่ร้องดังกึกก้อง Rhodopis ยืนเคียงข้างกษัตริย์อาโมเซส ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความสุข

ในค่ำคืนนั้น ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องประกายสดใส ราวกับเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและอนาคตที่รอคอยเธอและกษัตริย์

บทที่ 10
การเริ่มต้นของราชินีผู้ถูกลิขิต

แม้ Rhodopis จะได้รับการยอมรับจากประชาชนและราชสำนักในฐานะราชินีแห่งอียิปต์ แต่หน้าที่ที่แท้จริงของเธอเพิ่งเริ่มต้น ชีวิตในฐานะราชินีเต็มไปด้วยความรับผิดชอบและการตัดสินใจที่ส่งผลกระทบต่อทั้งแผ่นดิน


วันแห่งพิธีราชาภิเษกมาถึง ทั่วทั้งเมืองเมมฟิสถูกตกแต่งด้วยธงสีทองและผ้าไหมลวดลายงดงาม ประชาชนจากทุกมุมของอียิปต์เดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในงานอันยิ่งใหญ่นี้

Rhodopis สวมชุดคลุมสีขาวปักลายทองที่ออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ บนศีรษะของเธอมีมงกุฎที่ประดับด้วยอัญมณีจากทั่วทุกแคว้น เมื่อเธอก้าวเข้าสู่ห้องบัลลังก์ เสียงดนตรีและเสียงสวดสรรเสริญดังขึ้น

“วันนี้ข้าประกาศให้ Rhodopis เป็นราชินีของอียิปต์ เธอจะไม่เพียงแต่เป็นคู่ครองของข้า แต่จะเป็นผู้ปกครองที่อยู่เคียงข้างข้า เพื่อดูแลอียิปต์และประชาชนทุกคน” กษัตริย์อาโมเซสกล่าว

เสียงโห่ร้องยินดีของประชาชนดังกึกก้องไปทั่วทั้งพระราชวัง


หลังพิธีราชาภิเษก Rhodopis เริ่มต้นภารกิจของเธอในฐานะราชินี เธอนำความเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ราชสำนัก โดยเน้นการฟังเสียงของประชาชนและความโปร่งใสในการบริหาร

เธอเริ่มต้นด้วยการปรับปรุงระบบการเก็บภาษี ซึ่งเคยสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน เธอจัดตั้งกลุ่มที่ปรึกษาจากหลากหลายชนชั้นเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเรื่องสำคัญ

ขณะเดียวกัน เธอไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับผู้ที่เคยถูกมองข้ามในราชสำนัก นางใน คนรับใช้ และชาววังระดับล่างได้รับโอกาสและการปฏิบัติที่ยุติธรรมมากขึ้น


แม้ชีวิตของ Rhodopis จะเต็มไปด้วยความสำเร็จ แต่เธอยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการพิสูจน์ตัวเองอย่างต่อเนื่อง ขุนนางบางกลุ่มยังคงไม่ยอมรับเธออย่างแท้จริง และมีข่าวลือเกี่ยวกับการก่อกบฏที่อาจเกิดขึ้น

ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก กษัตริย์อาโมเซสยังคงอยู่เคียงข้างเธอ

“เจ้าคือพลังของข้า, Rhodopis ข้ารู้ว่าด้วยกัน เราสามารถเผชิญหน้ากับทุกสิ่งได้” กษัตริย์กล่าวขณะจับมือเธอ

ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาได้เผชิญอุปสรรคไปด้วยกัน


ท่านอูเซอร์ ผู้ซึ่งยังไม่ล้มเลิกความทะเยอทะยาน ได้วางแผนก่อความไม่สงบในบางพื้นที่ของอียิปต์ เขารวบรวมกลุ่มคนที่ไม่พอใจและพยายามสร้างความวุ่นวายเพื่อดึงดูดความสนใจของกษัตริย์

เมื่อข่าวเรื่องนี้ไปถึง Rhodopis เธอตัดสินใจที่จะจัดการปัญหาด้วยตัวเอง

“เราจะไม่รอให้ความวุ่นวายลุกลาม เราจะไปยังพื้นที่เหล่านั้นและฟังเสียงของผู้คน ข้าต้องการรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร และเราจะหาทางแก้ปัญหาด้วยความยุติธรรม” เธอกล่าว

Rhodopis เดินทางไปยังหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ เธอพบว่าความไม่พอใจส่วนใหญ่มาจากการเก็บภาษีที่ยังไม่ถูกปรับปรุงในบางพื้นที่ รวมถึงการกดขี่ของขุนนางบางคน

ด้วยความมุ่งมั่น Rhodopis ทำงานร่วมกับผู้นำชุมชนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และในที่สุด ความสงบก็กลับคืนมา


เมื่อแผนการของอูเซอร์ถูกเปิดโปง เขาถูกนำตัวมาพิจารณาคดีในราชสำนัก Rhodopis ไม่ได้แสดงความโกรธแค้นหรือความอาฆาต แต่เธอเลือกที่จะให้โอกาสเขา

“ท่านอูเซอร์, ข้าไม่ต้องการการแก้แค้น ข้าต้องการให้ท่านตระหนักว่าการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ของอียิปต์ยิ่งใหญ่กว่าความทะเยอทะยานส่วนตัว”

คำพูดของเธอทำให้ท่านอูเซอร์เงียบไป แม้เขาจะไม่ยอมรับเธออย่างเปิดเผย แต่เขาก็ไม่สามารถโต้แย้งกับสิ่งที่เธอทำเพื่ออียิปต์ได้


--- 

ในยามค่ำคืนที่พระราชวัง เธอยืนอยู่บนระเบียง มองออกไปยังท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยดวงดาว กษัตริย์อาโมเซสเดินเข้ามาใกล้

“เจ้าเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง, Rhodopis ข้าไม่เคยภูมิใจในตัวใครเท่าเจ้า”

เธอยิ้มบางๆ “ข้ายังไม่ได้เปลี่ยนทุกอย่าง แต่ข้าจะไม่หยุดจนกว่าอียิปต์จะกลายเป็นดินแดนที่ประชาชนทุกคนมีความสุข”

และในคืนนั้น ท่ามกลางสายลมอ่อนโยนและดวงดาวที่ส่องประกาย Rhodopis และกษัตริย์อาโมเซสให้คำมั่นต่อกันว่า พวกเขาจะเดินเคียงข้างกันเพื่อสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับอียิปต์

จบบริบูรณ์

✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI ✨🎧✨
👇 👇 👇

✨🎧✨ ฟังฟรี นิยาย AI   



03 The Billionaire's Darling : สัญญาร้าย...สัญญารัก

เมื่อข้อตกลงที่เริ่มต้นด้วยความลับกลายเป็นรักแท้ที่ร้อนแรง เขาจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อเธอได้หรือไม่? และเธอจะกล้าทิ้งอดีตเพื่อก้าวไปกับเขาหรือ...